
คำสอนพระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำ (072)
Explore every episode of คำสอนพระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำ
Pub. Date | Title | Duration | |
---|---|---|---|
23 Sep 2023 | วิธีแสวงหาสุขอันไพบูลย์ | 00:02:48 | |
เมื่อรู้ว่าสุขเช่นนั้นแล้ว ทำอย่างไรต่อไป วิธีจะละตั้งแต่มนุษย์นี่ จะละสุขในมนุษย์หละ เราจะละท่าไหน ต้องแก้ไขวิธีละทีเดียวต้อง ใช้ละด้วยกาย ละด้วยวาจา ละด้วยใจ ต้องใช้ ทาน ศีล ภาวนา เป็นฆราวาสครองเรือนให้หมั่นให้ทาน ให้ละสุขน้อยโดยการบริจาค ทาน ที่ มีสมบัติยิ่งใหญ่ไพศาลในมนุษยโลกดังนี้ ถึงมีพอประมาณหรือมีเล็กน้อยก็ช่าง อุตส่าห์ละเถิด จงให้ทานให้ความสุขในภพนี้ และภพหน้าต่อไปนับภพไม่ถ้วน ให้อุตส่าห์ให้ทาน ทานนี่แหละเป็นข้อสำคัญนัก ท่านยืนยันตามตำรับตำราว่ามนุษย์จะได้รับความสุขในมนุษยโลก ก็เพราะอาศัยการให้ทานกัน ด้วยเหตุนี้ พระโพธิสัตว์เจ้าสร้างบารมีมาเกิดในมนุษยโลกก็ย่อมให้ทานในเบื้องหน้า ท่านเป็นผู้เก็บหอมรอมริบ สนับสนุนอุปถัมภ์ค้ำชูแก่บริวารของ ท่านไม่แพ้ฝ่ายใด ท่านก็อุปถัมภ์ค้ำชูตลอด เพราะท่านเป็นผู้มีสมบัติยิ่งใหญ่ไพศาล ท่านบริจาคทานอย่างนี้ อัตราการให้ทานนี่แหละที่จะส่งเราให้ไปถึงสุขยิ่งใหญ่ไพศาล ถ้าไม่มีทานจะมีสุขอันยิ่งใหญ่ไพศาลไม่ได้ เพราะไม่มีผลทานส่งให้ จะถึงสุขยิ่งใหญ่ไพศาลไม่ได้ | |||
23 Apr 2020 | โพชฌงค์ 7 | 00:04:46 | |
ที่ตั้ง ที่หมาย หรือกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ สะดือทะลุหลังขวาทะลุซ้าย กลางกั๊กนั่นใจหยุดตรงนั้น เมื่อทำใจหยุดตรงนั้น ไม่เผลอสติทีเดียว ระวังใจหยุดนั้นไว้ นั่งก็ระวังใจอยู่ นอนก็ระวังจะหยุด เดินก็ระวังจะหยุด ไม่เผลอเลย นี่แหละตัวสติสัมโพชฌงค์แท้แท้ จะตรัสรู้ต่างๆได้เพราะมีสติสัมโพชฌงค์อยู่แล้ว | |||
25 Oct 2021 | ธาตุที่ปรุงแต่งได้ ธาตุที่ปรุงแต่งไม่ได้ และธาตุที่ปราศจากการปรุงแต่ง | 00:04:51 | |
เมื่อเข้าใจฟังดังนี้ ธาตุที่เขาตั้งอยู่แล้ว | |||
25 Jun 2024 | หาเงินได้ใช้เงินเป็น หาเงินได้ใช้เงินไม่เป็น | 00:06:06 | |
เราหาเงินมาได้ตั้งแต่หนุ่มๆ สาวๆ เราหาเงินได้มากเท่าไหร กระเหม็ดกระแหม่ทีเดียว กินต้มยำ ครั้นจะเอาเนื้อมาต้มยำก็เปลืองเงินเปลืองทอง ไม่เอา ทนเอาก่อน หนุ่มๆ สาวๆ พอทนได้ หาเงินได้ใช้ เก็บรวบรวมไว้กินต้มยำน้ำ อยากกินต้มยำก็ปรุงเครื่องต้มยำมันเข้า ตักน้ำใส มาดีๆ ตตั้งให้มันเดือนเข้า พอเดือนก็เทเครื่องต้มยำโครมลงไปในน้ำนั่น แล้วก็คนเสียให้ทั่วแล้วก็เอาขึ้นมา เค็มเปรี้ยวก่างมันเถอะต้มย้ำน้ำหละ เอามาราดข้าว ช้อนตักซดเชียวเปิดข้าวเข้าท้องได้ ช่างหัวมันเถอะไม่เป็นไร นี่เขาเรียกว่าต้มยำน้ำ นี่เขามีกันแล้วนะ โน่นแน่ เขาชื่อนายเล็กอยู่บ้านไผ่ อำเภอสองพี่น้องแน่ เขาเล่าให้ฟังว่า ผมนะเมื่อตั้งตัวผมกินต้มยำน้ำนะ มันบอกให้ฟังอย่างนี้แหละผู้เทศน์ก็ได้ยินเขาเล่าให้ฟัง เขาเป็นพ่อค้า ผู้เทศน์ก็เป็นพ่อค้าเหมือนกัน ไปคุยกันขึ้น เขาบอกว่าเขากินต้มย้ำน้ำ ทำไงเล่าต้มยำน้ำ เขาเล่าให้ฟังอย่างนี้แหละ เขากินอย่างนั้นแหละ เขาบอกว่าเราจะไปกินเนื้อไม่ได้ เดี๋ยวเงินทองหมดเข้าไปแล้วจะตั้งตัวไม่ได้ เอ๊ะ! อ้ายนี่ชอบกลอยู่เหมือนกัน หลักนี้นะ การครองเรือนนะเป็นอย่างนี้ หาเงินได้ใช้เงินไม่เป็นนะ กินต้มยำเนื้อซิ เอ้าแล้ว! เงินทองหาได้เฟื้องหนึ่งสลึงหนึ่ง ซื้อเป็ดซื้อไก่เชียว นั่นแน่ไถลกินไม่เป็นขึ้นไปโน่นแน่ มันจะเป็นบ่าวเป็นทาสเขาจนตายแน่ ให้เงินไม่เป็นนั่นแน่ ใช้เงินตาย ใช้เงินตายนะ ใช้เงินอย่างไรเล่า หาเงินมาเท่าไรๆ ใช้หมด ไม่ให้เงินไปหาเงินหละ หาเงินมาได้เท่าไรๆ ใช้หมด ไม่ให้เงินไปหาเงินหละ อย่างนี้หาเงินได้ใช้เงินไม่เป็น ใช้เงินไม่เป็น แก่เฒ่าชราลงไปก็ทำงานหยุดไม่ได้ หยุดข้าวสารไม่มีกรอกหม้อ เพราะใช้เงินตาย ใช้เงินไม่เป็น | |||
24 Dec 2021 | เมาสุรา เมามัน | 00:03:08 | |
ความประมาทน่ะ คือ อะไรทำให้ประมาทล่ะ? | |||
04 Apr 2022 | ศีลสมาธิปัญญา เบื้องต่ำและเบื้องสูง โดยสังเขป | 00:03:02 | |
ศีลโดยปริยายเบื้องต่ำ ประสงค์เอาศีล ๕ ประการ ศีลโดยปริยายเบื้องสูง ประสงค์เอาปาฏิโมกข์สังวรศีล และบริบูรณ์ด้วยมารยาทและโคจร เห็นภัยทั้งหลายสมโทษแม้มีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบทบัญญัติน้อยใหญ่ทั้งหลาย เป็นศีลโดยปริยายเบื้องสูง สมาธิโดยปริยายเบื้องต่ำ พระองค์ได้ทรงแนะนำว่า อริยสาวกในธรรมวินัยของพระตถาคตเจ้านี้ เป็นผู้สละอารมณ์ทั้งสิ้นห ลุดขาดจากใจ ถึงซึ่งความเป็นหนึ่งของใจได้ นี้สมาธิโดยปริยายเบื้องต่ำ สมาธิโดยปริยายเบื้องสูง ทรงแนะนำให้ดำเนินถึง ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน เมื่อเข้าฌานใดฌานหนึ่งได้ เรียกว่าสมาธิโดยปริยายเบื้องสูง ปัญญาโดยปริยายเบื้องต่ำ พระองค์ได้ทรงแนะนำว่า อริยสาวกในธรรมวินัยของพระตถาคตเจ้านี้ เป็นผู้ปฏิบัติถึงซึ่งความเกิดขึ้นและความเสื่อมไป รู้ความเกิดขึ้น และความเสื่อมไปชัด และข้อปฏิบัติดำเนินถึงซึ่งความสิ้นไปแห่งทุกข์โดยชอบ อันเป็นเครื่องเบื่อหน่ายอันประเสริฐ นี้ปัญญาโดยปริยายเบื้องต่ำ ปัญญาโดยปริยายเบื้องสูง คือพระองค์ทรงแนะนำว่า ภิกษุในธรรมวินัยของพระตถาคตเจ้านี้ เป็นผู้รู้ชัดว่านี้ทุกข์ นี้เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์ นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ รู้ชัดในสัจธรรมทั้ง ๔ นี้ นี่ทางปัญญาโดยปริยายเบื้องสูง จากพระธรรมเทศนาพระมงคลเทพมุนี หลวงปู่สด จนฺทสโร กัณฑ์ที่ ๒๐ เรื่อง ศีล ทั้ง ๓ ประการ | |||
18 Oct 2019 | สังขาร | 00:04:38 | |
สังขาร ปุญญาภิสังขาร สังขารตบแต่งให้เกิดเป็นบุญชั้นมนุษย์นี้ ในชมพูทวีป แสนโกฏิจักรวาลอนันตจักรวาล มนุษย์มีมากน้อยเท่าไรอยู่ในปุญญาภิสังขารทั้งนั้น ส่วนทิพย์ กายโอปปาติกะ กำเนิดเกิดเป็นกายทิพย์ในชั้นจาตุมหาราช ดาวดึงส์สา ยามา ดุสิตา นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตตี สวรรค์ ๖ ชั้นนี้เรียกว่า ปุญญาภิสังขาร สังขารอันบุญตบแต่งทั้งนั้น รูปพรหมอีก ๑๖ ชั้น พรหมปาริสัชชา พรหมปุโรหิตา มหาพรหมา ปริตตาภา อัปปมาณาภา อาภัสสรา ปริตตสุภา อัปปมาณสุภา สุภกิณหา อสัญญีสัตตา เวหัปผลา นี่ชั้น ๑๑ ส่วน อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี อกนิฏฐา ทั้ง ๕ ชั้นนี้ เรียกว่า สุทธาวาส เป็นที่อยู่ของพระอริยบุคคล ชั้นพระอนาคามิผล-พระอนาคามิมรรค อยู่ในที่นี้ รูปพรหมทั้ง ๑๖ ชั้นนี้เป็นปุญญาภิสังขารทั้งนั้น ส่วนอเนญชาภิสังขาร สังขารในอรูปพรหม อากาสานัญจายตน วิญญาณัญจายตน อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ในอรูปพรหมทั้ง ๔ นี้ ก็จัดเป็นอเนญชาภิสังขาร อีกเหมือนกัน ไม่ใช่อปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร ต่ำกว่ามนุษย์ลงไป เรียกว่า อปุญญาภิสังขาร เกิดเป็นเปรตบ้าง เป็นอสุรกายบ้าง เป็นสัตว์นรก ๔๕๖ ชุมลุ่มลึก ทุกข์ยากลำบากนัก ในอบายภูมิทั้ง ๔ นี้เรียกว่า อปุญญาภิสังขาร ฝ่ายสัตว์เดรัจฉาน ก็เห็นปรากฏว่าตัวใหญ่ตัวเล็กน้อยน่าสมเพชเวทนา เปรต อสุรกาย เราไม่เห็นด้วยตา เป็นแต่เขาเขียนรูปไว้ให้ดู มีจริงๆ ไม่ต้องไปสงสัย สัตว์นรก เปรต อสุรกายเหล่านี้ สัตว์เดรัจฉานเห็นปรากฏชัด นี้ได้ชื่อว่า อปุญญาภิสังขาร อเนญชาภิสังขาร สังขารที่ไม่หวั่นไหว ตั้งแต่อรูปสัตว์ อสัญญีสัตว์ ที่ชั่วคราวนะ ไม่หวั่นไหวชั่วคราวหนึ่ง นี่ตำรับตาราท่านยกเอาแค่นี้ แต่ว่าอเนญชาภิสังขาร สังขารที่ไม่หวั่นไหว สังขารที่ไม่หวั่นไหวควรจะจัดสังขารที่บุญตบแต่งไม่ได้ บาปตบแต่งไม่ได้ ควรจะเป็นอเนญชาภิสังขาร ส่วนโลกันต์นรกก็ไปหมกไหม้อยู่ในนั้น ไปทนทุกข์เวทนาอยู่ในโลกันต์นรก นั่นจะจัดเป็นอเนญชาภิสังขารได้ไหมละ ก็มันยังไปเกิดมาเกิดอยู่ ถ้านิพพานก็ได้ เป็นอเนญชาภิสังขาร ที่ไม่หวั่นไหวด้วยโลกธรรมทั้ง ๔ ทั้ง ๘ ไม่หวั่นไหวด้วยโลกธรรมทั้ง ๘ นี้ เป็นอเนญชาภิสังขารได้ อเนญชาภิสังขารเหล่านี้ ก็มีหวั่นไหวอยู่ เคลื่อนไปมาอยู่ ดิน ฟ้า ลม อากาศ วิญญาณธาตุล้วนๆ ธาตุล้วนๆ ไม่เกี่ยวข้องอะไรนั่นแน่ควรจะเป็นอเนญชาภิสังขาร แต่ว่าสังขารในที่นี้ท่านประสงค์เอาอสัญญีสัตว์ อรูปสัตว์ เป็นอเนญชาภิสังขาร ให้รู้จักหลักอันนี้ จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "ติลักขณาทิคาถา" | |||
04 Jun 2020 | ต้องเดินแนวนี้ | 00:04:08 | |
ตั้งแต่กายมนุษย์ถึงกายอรูปพรหมละเอียด แค่นั้นเรียกว่าขั้นสมถะ ตั้แต่กายโคตรภู ทั้งหยาบทั้งละเอียด จนกระทั่งถึงกายพระอรหัตทั้งหยาบทั้งละเอียด นี้ขั้นวิปัสสนา ทั้งนี้ที่เรามาเรยนสมถวิปัสสนาวันนี้ต้องเดินแนวนี้ ผิดแนวนี้ไม่ได้ และก็ต้องเป็นอย่างนี้ ผิดอย่างนี้ไปไม่ได้ ผิดอย่างนี้ไปก็เลอะเหลว ต้องถูกแนวนี้ | |||
17 Dec 2021 | ความเสื่อมจะนึกจากที่ไหน | 00:05:21 | |
ความเสื่อมน่ะจะนึกที่ไหน? | |||
20 Sep 2019 | ความสุขในฌาน | 00:03:06 | |
สุขในฌานอะไรจะไปสู้ ในภพนี้ไม่มีสุขเท่าถึงดอก สุขในฌานนะสุขลืมสมบัตินั่นแหละ สมบัติกษัตริย์ก็ไม่อยากได้ สุขในฌานนะ สุขนักหนาทีเดียว เต็มส่วนของความสุขก็นิ่งเฉย วิเวกวังเวงเปลี่ยวเปล่า เรามาคนเดียว ไปคนเดียวหมดทั้งสากลโลก คนทั้งหลายไปคนเดียวทั้งนั้น ไม่มีคู่สองเลย จะเห็นว่าลูกสักคนหนึ่งก็ไม่มี ภรรยาสักคนหนึ่งก็ไม่มี ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างตาย ต่างคนต่างเกิดเป็นจริงอย่างนี้ ปล่อยหมดไม่ว่าอะไรไม่ยึดถือทีเดียว เรือกสวนไร่นา ตึกร้านบ้านเรือน ก่อนเราเกิดเขาก็มีอยู่ เขาก็มีอยู่อย่างนี้ ชายหญิงเขาก็มีกันอยู่อย่างนี้ เราเกิดแล้วก็มีอยู่อย่างนี้ เราตายไปแล้วมันก็มีอยู่อย่างนี้ เห็นดิ่งลงไปทีเดียว เข้าปฐมฌานเข้าแล้วเห็นหญิงลงไปเช่นนี้ เมื่อเข้าปฐมฌานก็แน่นิ่งอยู่ ฌานที่ละเอียดกว่านี้มี พอนึกขึ้นมาเช่นนั้นก็ ที่ละเอียดขึ้นมากกว่านี้ มีอยู่ ก็นิ่งอยู่กลางปฐมฌานนั่น กลางดวงปฐมฌานนั่นนิ่ง จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "เขมาเขมสรณาคมน์" | |||
25 Jul 2023 | นอนอืด ไม่มีศรัทธานั้นอาการอันบัณฑิตพึงเกลียด | 00:01:52 | |
กุสีตํ หีนวีริยํ จมอยู่ด้วยอาการอันบัณฑิตพึงเกลียด กุสีตํ เขาแปลว่าคนเกียจคร้าน คนไม่มีศรัทธา มาอยู่วัดอยู่วาก็นอนอืด อยู่บ้านก็นอนอืด ไม่มีศรัทธาไม่เชื่อมั่นเข้าไปในพระรัตนตรัย เป็นคนปราศจากความศรัทธา เป็นคนเกียจคร้าน เช่นนี้แล้วละก็ บัณฑิตเกลียดนัก ท่านถึงได้แปลว่า กุสีตํ ผู้จมอยู่ด้วยอาการอันบัณฑิตพึงเกลียด คนมีปัญญาเกลียดนักคนเกียจคร้าน แต่ชอบสรรเสริญนิยมคนขยัน คนหมั่นขยัน คนเพียร คนมีศรัทธาเลื่อมใส นั่นเป็นที่ชอบของนักปราชญ์ ราชบัณฑิตทั้งหลาย คนเกียจคร้านเป็นไม่ชอบ | |||
11 Nov 2020 | ไม่ถอดปล่อยไม่ได้ | 00:02:21 | |
ไอ้พวกที่ได้ฟังแล้วจะปล่อยก็เป็น แต่ว่าเสียดายไม่ยอมปล่อย อีกพวกหนึ่งตั้งใจปล่อยจริงๆ แต่ปล่อยไม่ได้ ไอ้ที่ไม่อยากปล่อยน่ะ เหมือนอะไรล่ะ เหมือนพรานวางเบ็ด เมื่อปลาติดเบ็ดแล้ว ถ้าปลาตัวเล็กๆ พอจะปลดปล่อยได้ ถ้าปลาถึงขนาดเข้า ปล่อยไม่ได้ เสียดาย ต้องใส่เรือของตัวไป ไอ้อยากปล่อยแต่ปล่อยไม่ได้น่ะ เหมือนอะไร เหมือนนกติดแร้ว อยากปล่อย แต่เครื่องติดมันมี มันมีเหมือนอะไรล่ะ นี่แหละเหมือนอย่างเราครองเรือนอย่างนี้แหละ อยากจะปล่อยมัน แต่ว่าเครื่องติดมันมีเลย ปล่อยไม่ได้ เสียดาย มันปล่อยไม่ได้ มันติดอยู่ดังนั้นแหละ ปล่อยไม่ถนัด เพราะเหตุฉะนั้นแหละ เบญจขันธ์ทั้ง ๕ ไม่ใช่เป็นของพอดีพอร้าย ต้องถอดกัน ไม่ถอดปล่อยไม่ได้ จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "ภารสุตตคาถา" | |||
02 Apr 2021 | ต่อไปนี้จะอธิบายถึงกาย | 00:05:00 | |
เสียงอ่านโอวาทหลวงพ่อวัดปากน้ำเรื่อง สิ่งที่เป็นเกาะเป็นที่พึ่งของตน ตอนที่ ๓ | |||
17 Dec 2023 | อดทนคืออดใจ | 00:03:12 | |
พระพุทธเจ้าเป็นตำรับตำราเป็นประมุขของเรา เราต้องตั้งใจแบบเดียวกับพระพุทธเจ้า ท่านตั้งอย่างไรท่านสอนอย่างไร ท่านทำอย่างไร ท่านก็สอนว่า ท่านสอนพวกเราให้อดใจ ให้อดทน คืออดใจ อดใจเวลาความโลภหรืออภิชฌาเกิดขึ้น หยุดนิ่งเสีย รู้นี่รสชาติอภิชฌา อยากจะได้สมบัติของคนอื่น เป็นของๆตน อยากกว้างขวางใหญ่โต ไปข้างหน้า ต้องหยุดเสีย อดทนหรืออดใจเสีย ประเดี๋ยวก็ดับไป อ้ายความอยากนั้นดับไป ดับไปด้วยอะไร ด้วยความอดทน คืออดใจนั่นแหละ ความโกรธ ประทุษร้ายเกิดขึ้น นิ่งเสีย อดเสียไม่ให้หลุดออกมาได้ ให้ อยู่ในใจของตัวเอง ไม่ให้คนได้ยิน ไม่ให้คนอื่นรู้กิริยาท่าทางทีเดียว ไม่แสดงกิริยามรรยาทให้ทะเลิกทะลัก แปลกประหลาด อย่างผีเข้าสิงทีเดียว ไม่รู้ทีเดียว นิ่งเสียกะเดี๋ยวหนึ่ง ความโกรธ ประทุษร้ายหายไป ดับไป พยาบาทนั้นหายไป มิจฉาทิฏฐิเกิดขึ้น มิจฉาทิฏฐินั้นแปลว่าเห็นผิดละ รู้อะไรไม่จริงสักอย่าง เลอะๆเทอะๆเกิดขึ้น หยุดเสีย ไม่ช้าเท่าไรกะเดี๋ยวดับไป | |||
12 Jul 2021 | วิธีละขันธ์ ๕ (กัณฑ์ที่ ๑๐ ตอน ๓) | 00:04:31 | |
จากโอวาทพระมงคลเทพมุนี กัณฑ์ที่ ๑๐ เรื่อง ขันธ์ ๕ เป็นภาระอันหนัก เมื่อรู้ชัดดังนี้ วิธีจะละขันธ์ ๕ ถอดขันธ์ ๕ ทิ้ง วิธีจะถอดสละขันธ์ ๕ | |||
21 Jan 2022 | ศีลของภิกษุ มีไม่จำกัด | 00:02:21 | |
ศีลของภิกษุเป็นอปริยันตปาริสุทธิศีลทีเดียว ศีลไม่มีที่สุด ในวิสุทธิมรรคแสดงไว้ ศีลมี ๓ ล้านกว่าสิกขาบท ศีลของภิกษุจบพระวินัยปิฎกเป็นศีลของภิกษุน่ะ มากมายนัก เพราะเหตุนั้น ภิกฺขุ สีลวา ภิกษุเป็นผู้มีศีลน่ะ มีจริงนะ มีทั้งหมดทีเดียว แต่นี้ท่านจำแนกแยกย่นลงไป ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ ผู้สำรวมในพระปาติโมกข์ เว้นข้อที่พระพุทธเจ้าห้าม ทำตามที่พระองค์ทรงอนุญาตอยู่ นี้น้อยนิดเดียว ขึ้นสู่พระปาติโมกข์นี้น้อยนิดเดียว โดยสามัญทั่วไปละก็ ๒๒๗ สิกขาบทนิดเดียว ศีลขึ้นสู่พระปาติโมกข์ แต่ว่าข้อสำคัญทั้งนั้น ไม่ใช่ข้อเล็กน้อย เพราะฉะนั้นควรไหว้ควรบูชา ภิกษุประพฤติได้ในสิกขาบัญญัติน้อยใหญ่ของตัวได้ละก็ น่าไหว้ น่าบูชานัก เป็นของทำยาก ไม่ใช่เป็นของทำง่าย | |||
13 Nov 2022 | อานิสงส์การให้เสียงเป็นทาน | 00:02:50 | |
เจ้าภาพได้ให้โภชนาหารอย่างเดียวก็หาไม่ ยังให้เสียงอีกคือให้เสียงอังกะลุง รูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ ๕ อย่างนี้ที่เขาติดกันอยู่ทั่วทั้งโลกคือ ติดด้วยรูปบ้าง ด้วยเสียงบ้าง ด้วยกลิ่นบ้าง ด้วยรสบ้าง ด้วยสัมผัสบ้าง หลบหลีกไม่พ้น ติดอยู่ในสภาวธรรมเหล่านี้กันอย่างยากที่จะถอนได้ สำหรับผู้ที่ติดอยู่ในเสียง เราให้เสียงอันไพเราะนี้เป็นทาน ก็ย่อมเป็นที่ชอบใจ พระภิกษุสามเณรซึ่งกำลังขบฉันอาหาร เมื่อได้ฟังเสียงอังกะลุงที่เจ้าภาพให้เป็นทาน ก็ขบฉันอาหารได้มากขึ้น เพราะเพลิดเพลินในเสียงอังกะลุงนั้นไปด้วย ฉันอาหารไปด้วย เสียงที่ให้เป็นทานนั้นจะเป็นผลแก่เจ้าภาพอย่างไร ประโยชน์ที่จะได้รับก็คือ เมื่อเจ้าภาพไปเกิดในชาติใดภพใด ย่อมได้ประสบบุญกุศลที่ตนได้สั่งสมอบรมในวันนี้ จะไปเป็นอะไรก็ช่างเถิด เครื่องประโคมเครื่องบรรเลงเป็นไม่ขาดสาย มีติดตัวอยู่เสมอ ไม่ว่าจะไปเกิดในชาติใด ตระกูลใด เหมือนพระสวสีให้เสียงอย่างนี้เป็นทาน ท่านเป็นผู้มีเครื่องดนตรีตามประโคมเสมอไป ผู้ที่มีเครื่องดนตรีตามประโคมนี้ต้องเป็นคนชั้นสูง คนชั้นต่ำ ๆ ไม่มีเครื่องดนตรีตามประโคมไปเลย จะต้องเป็นคนชั้นสูง เป็นกษัตริย์ เสนาบดี เศรษฐี ธนบดี จึงจะมีเครื่องดนตรีบรรเลงตามประโคมอยู่เสมอ เพราะเหตุนี้ บุญกุศลของบุคคลนั้น ย่อมแตกต่างกันไป หาเหมือนกันไม่ สุดแต่บุญทานที่ตนกระทำไว้ในอดีตชาติ | |||
04 Mar 2022 | ปัญญาโดยปริยายเบื้องต่ำ | 00:04:16 | |
อริยสาวกในพระธรรมวินัยของพระตถาคตเจ้าเป็นผู้มีปัญญา ปัญญานั่น ดวงนั้นแหละ ประสงค์ดวงนั้น เรียกว่ามีปัญญาละ อุทยตฺถคามนิยา ปญฺญาย สมนฺนาคโต มาตามพร้อมแล้วด้วยปัญญา อันเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงซึ่งความเกิดความดับ ปัญญาก็ ไม่ได้ดูอื่นนี่ ปัญญาน่ะมองดูแต่ความเกิดดับเท่านั้นแหละ หมดทั้งสากลโลกมีเกิดกับ ดับเท่านั้น รู้ชัดปรากฏชัดอยู่ว่าเกิดดับๆๆ เท่านั้น มีเกิดกับดับ ทั้งรู้ทั้งเห็นชัดทีเดียว เห็นอย่างไรก็รู้อย่างนั้น รู้อย่างไรก็เห็นอย่างนั้น เห็นกับรู้ ตรงกัน แต่ว่าเมื่อยังเป็นปุถุชนอยู่ ตั้งต้นแต่มนุษย์ถึง รูปพรหม อรูปพรหม เห็นไม่ถนัดนักหรอก เห็นรัวๆ ไม่ชัดนัก เพราะเป็นของละเอียด เห็นความเกิดดับจริงๆ ตามนุษย์เรานี่ก็เห็น เอาไปเผาไฟเสียออกย่ำแย่เชียว ทิ้งน้ำ ฝังดิน เกิดดับ ๆ ทั้งนั้นแหละ หมดทั้งสากลโลก ตึกร้าน บ้านเรือน ต้นไม้ ภูเขา สิ่งที่เห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหู ได้ทราบด้วยจมูก ลิ้น กาย ใจ เกิดดับหมดทั้งนั้น เห็นจริงเห็นจังอย่างนี้แหละ ไม่ใช่เห็นพอดีพอร้าย เราก็รู้ด้วยเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด รู้ชัดทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนปลาย รู้ได้ถี่ถ้วนดีทีเดียว นี้เรียกว่าปัญญา ปัญญาที่เป็นข้อปฏิบัติให้ถึงซึ่งความสิ้นไปแห่งทุกข์ ก็รู้เรื่องเหมือนกัน จะสิ้นไปแห่งทุกข์ด้วยวิธีอย่างไร ใช้ปัญญา แต่ว่ารัวไม่ชัดทีเดียว เห็นโดยชอบที่เป็นเครื่องเบื่อหน่ายอันจริงแท้ หรือที่เป็นเครื่องเบื่อหน่ายอันประเสริฐ เห็นจริงๆ รู้จริงๆ อย่างนี้ เห็นความสิ้นไป สิ้นไปแห่งทุกข์ทีเดียว ว่าทุกข์จะหมดไปได้ด้วยวิธีนี้อย่างนี้ ถ้าไม่ถึงธรรมขนาดนี้ทุกข์หมดไปไม่ได้ ความจริงก็รู้อยู่ชัด แต่ว่ารู้ด้วยปัญญา อย่างนี้รู้ด้วยปัญญา รู้อย่างชนิดนี้เรียกว่าปัญญาโดยปริยายเบื้องต่ำ ไม่ใช่ปัญญาโดยปริยายเบื้องสูง | |||
06 Oct 2019 | บุญ...นำไปเกิด | 00:03:56 | |
บุญ...นำไปเกิด ใครจะเป็นคนนำไปเกิด ? ในเมื่อกายมนุษย์แตกดับไปแล้ว กายมนุษย์ละเอียดยังเหลืออยู่อย่างเรานอนฝันไป ตายก็เหมือนกันนอนหลับฝันไป กายมนุษย์ละเอียดออกจากกายมนุษย์ไป เพราะกายมนุษย์นี้แตกดับเสียแล้ว ดวงบุญในกายมนุษย์นี้ก็แตกดับหมด ดวงธรรมที่ให้เป็นกายมนุษย์ก็แตกดับ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทำลายหมดไม่มีเหลือ แต่ว่าในกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ละเอียดนั้นมีดวงบุญอีกดวงหนึ่ง ดวงบุญดวงนั้นแหละจะนำไปเกิด ในตระกูลสูงๆ มีกษัตริย์มหาศาล มีทรัพย์สมบัติบริวารนับจะประมาณไม่ได้ เศรษฐีมหาศาล พราหมณ์มหาศาล มีทรัพย์สมบัติบริวารนับประมาณไม่ได้ คหบดีมหาศาล มีทรัพย์สมบัติบริวารนับประมาณไม่ได้ ให้เกิดในตระกูลสูงสูงอย่างเช่นนั้น ถ้าว่าในมนุษย์โลกไม่พอรับบุญขนาดใหญ่อย่างนี้ ขอให้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช ชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา ชั้นนิมมานรดี และชั้นปรนิมมิตวสวัตดี ให้เกิดในกายทิพย์สูงขึ้นไป กายทิพย์ในชั้นจตุมหาราช กายทิพย์ในชั้นดาวดึงส์ กายทิพย์ในชั้นยามา กายทิพย์ในชั้นดุสิต กายทิพย์ในชั้นนิมมานรดี กายทิพย์ในชั้นปรนิมมิตวสวัตดี ในการพบนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง กายมนุษย์ละเอียดพอส่งขึ้นไปถึงกายทิพย์ กายมนุษย์ละเอียดก็ดับเหมือนกัน ในดวงกายทิพย์ละเอียดก็ดับหมด ในดวงกายทิพย์ละเอียดก็ใช้ไปตามหน้าที่ นี่เขาเรียกว่า กมฺมวิปากโก อจินฺตโย ลักษณะที่แสดงบาปกรรมที่บุญส่งผลให้เป็นไปเป็นชั้นๆ ยังไม่มีใครแสดงให้รู้ เพราะไม่ใช่เป็นของธรรมดาสามัญทั่วไป พวกมีธรรมกายเขาเห็นปรากฏชัดเจนเป็นชั้นๆ เป็นกายๆไปดังนี้ จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "ภัตตานุโมทนากถา" | |||
09 Nov 2020 | เหมือนเด็กกำไฟ | 00:02:16 | |
ยึดถือมั่นในเบญจขันธ์ ๕ นั่นเป็นทุกข์ ถ้าหากว่าปล่อยเบญจขันธ์ ๕ เสียได้ก็เป็นสุข แต่ว่าปล่อยไม่ใช่ได้ง่าย ปล่อยไม่ได้ง่ายเหมือนอะไร ปล่อยไม่เป็น ถ้าปล่อยเป็นปล่อยได้ง่าย ปล่อยไม่เป็นปล่อยได้ยาก ปล่อยไม่เป็น เหมือนอะไร เหมือนเด็กๆ กำไฟเข้าไว้ ยิ่งร้อนยิ่งหนักกำหนักแน่นหนักเข้า ร้องใจหาย ใจคว่ำก็ร้องไป ปล่อยไม่เป็น คลายมือไม่เป็น ถ่านก้อนที่กำเข้าไว้น่ะ เมื่อเด็กกำเอาเข้าไว้แล้ว กำเสียดับเลยทีเดียว กำเสียมิดทีเดียว มือก็ไหม้เข้าไปรูหนึ่งแล้ว นั่นเพราะอะไร เด็กมันปล่อยถ่านไฟไม่เป็น ปล่อยไม่เป็น หรือ มันไม่ปล่อย ปล่อยไม่เป็นจริงๆ ถ้าปล่อยเป็นมันก็ปล่อยเหมือนกัน พระธรรมเทศนาเรื่อง "ภารสุตตคาถา" | |||
21 Nov 2019 | ธรรมะสำหรับผู้ครองเรือน | 00:03:34 | |
ธรรมะสำหรับผู้ครองเรือน ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมนั้นเป็นไฉน เมื่อเป็นฆราวาส เขาเรียกว่า ฆราวาสธรรมปฏิบัติธรรมของตนให้แน่นอนอย่าให้คลาดเคลื่อน เรียกว่า ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺโน เริ่มต้นทีเดียว ต้องปฏิบัติอยู่ในกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ ทอดทิ้งอกุศลกรรมทั้ง ๑๐ ประการเสียสละอกุศลกรรมบถทั้ง ๑๐ ประการเสีย ประกอบกุศลกรรมบถทั้ง ๑๐ ประการ ให้เกิดมีกายบริสุทธิ์ ๓ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์สมบัติของผู้อื่น เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกามทั้งหลาย ๓ ละ เว้นจากวจีกรรม เว้นจากการพูดปด ไม่จริง หลอกลวง ต่างๆ เว้นจากกล่าวคำส่อเสียดให้เขาแตกร้าวจากกัน ให้ มัคร มานอยู่ให้มีกับตน เว้นจากกล่าวคำหยาบช้าทารุณ ด่าชาติ ด่าตระกูลเว้นจากกล่าวคำเหลวไหล ปราศจากประโยชน์ หาหลักฐานไม่ได้ ไม่มีเหตุผล กล่าวเลอะเทอะๆ อย่างนี้ นี่เรียกว่า วจีกรรมบริสุทธิ์ แล้วเว้นจากโลภ อยากได้ของเขา เว้นจากโกรธ ประทุษร้ายเขา เว้นจากเห็นผิดจากคลองธรรม ได้ชื่อว่า ใจบริสุทธิ์ กายบริสุทธิ์ ๓ วาจาบริสุทธิ์ ๔ ใจบริสุทธิ์ ๓ รวมเป็น บริสุทธิ์ ๑๐ คือ กาย ๓ วจี ๔ ใจ ๓ รวมเข้าเป็น ๑๐ นี้เรียกว่า กุศลกรรม ๑๐ ประการ ตัวเองบริสุทธิ์ ดังนี้แล้ว ตั้งใจให้แน่วแน่ เรียกว่าธรรมานุธัมมปฏิบัติ ชวนบุคคลผู้อื่นให้บริสุทธิ์เหมือนกับตนเอง บริสุทธิ์ ๑๐ อย่าง ชักชวนบุคคลผู้อื่นให้บริสุทธิ์ ๑๐ อย่างเหมือนกันบ้างชักชวนบุคคลผู้อื่นอีก ๑๐ เป็น ๒๐ ละ ยินดีพวกบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ เช่นนั้น อีก ๑๐ นั้นแหละเป็น ๓๐ สรรเสริญพวกบริสุทธิ์ด้วยกาย วาจา ใจ เช่นนั้นเป็น ๔๐ นี่เขาเรียกว่า กุศลกรรมบถวิภาค แยกออก จาก ๑๐ ไปเป็น ๒๐-๓๐-๔๐ ให้แน่นอน อย่าให้คลาดเคลื่อนเชียว นี่เขาเรียกว่า ฆราวาสธรรม ธรรมของฆราวาสให้แน่นอนอย่างนี้นะ หญิงก็เป็นหญิงที่ดี ชายก็เป็นชายที่ดี ถ้าปกครองเรือนละก็เป็นตัวอย่างได้ทีเดียว ลูกเกิดมาข้างหลัง พ่อแม่ประพฤติได้ดังนี้ เป็นตัวอย่างอันดีของลูกหญิงลูกชาย ได้ชื่อว่าให้สมบัติแก่ลูกจริงๆ ประพฤติตัวให้เป็นตัวอย่าง แก่ลูกหญิงลูกชายจริงๆ จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "ภัตตานุโมทนากถา" | |||
12 Jul 2024 | 📚 กัณฑ์ที่ ๕๓ พระพุทธภาษิต : ความไม่ประมาท | 00:44:07 | |
เมื่อบัณฑิตผู้ละหรือผู้บรรเทาความประมาทเสียด้วยความไม่ประมาท เป็นผู้มีปัญญาเป็นเครื่องรักษาตัว ขึ้นสู่ปราสาทเป็นภูมิอันสูงของปัญญา แลลงมาเห็นเหล่าพาลชนทั้งหลาย เป็นผู้ไม่กระวนกระวาย เห็นหมู่สัตว์กระวนกระวาย ดุจบุคคลผู้ขึ้นยืน บนภูเขา แลลงมาเห็นบุคคลผู้ยืนอยู่ที่ภาคพื้นฉะนั้น | |||
12 Nov 2019 | ญาณ และ วิญญาณ ต่างกันไฉน | 00:02:55 | |
ใจของธรรมกายเป็นอย่างไร ? ใจของธรรมกายมีอย่างเดียวกัน เห็น จำ คิด รู้ ๕ อย่าง เป็นใจ มีเห็น มีจำ มีคิด มีรู้ รู้นั้นก็ตรงกับดวงวิญญาณ อ้ายคิดนั้นก็ตรงกับดวงจิต อ้ายจำนั้นก็ตรงกับดวงใจ อ้ายเห็นนั้นก็ตรงกับดวงกาย เห็น จำ คิด รู้ หยุดเป็นจุดเดียวกัน ก็มีความรู้ นี้มันผิดกันตรงไหน มันเห็นเหมือนกัน จำเหมือนกัน คิดเหมือนกัน รู้เหมือนกัน ผิดกันตรงนี้... พอถึงธรรมกายแล้ว ดวงเห็นขยายส่วนออกไป หน้าตักธรรมกายโตเท่าไหน ดวงเห็นขยายออกไปวัดผ่าเส้นศูนย์กลางเท่านั้นกลมรอบตัว เมื่อดวงเห็นแผ่ออกไปเท่าใดแล้ว ดวงจำ ดวงคิด ดวงรู้ ก็แผ่ออกไปเท่ากัน ดวงใจออกไปเท่าใด ดวงคิดก็แผ่ออกไปเท่ากันดวงคิดแผ่ออกไปเท่าใด ดวงรู้ที่เรียกว่า ดวงวิญญาณ ตรงกับดวงวิญญาณของมนุ...ย์ก็แผ่ออกไป เท่าหน้าตักธรรมกาย กลมรอบตัวสี่ชั้น ซ้อนกันอยู่ ชั้นนอกคือดวงเห็น ชั้นในเข้าไปคือดวงจำ ชั้นในเข้าไปคือดวงคิด ชั้นในเข้าไปคือดวงรู้ รู้นั้นต้องรู้ตรงนั้นแหละ เมื่อขยายส่วนเท่านั้นละก็ เขาเรียกว่า "ญาณ" ถ้ายังไม่ขยายส่วนละก็ เขาเรียกว่า "ดวงวิญญาณ" ถ้าขยายส่วนออกไปรูปนั้นละก็เรียกว่าญาณ ตั้งแต่มีธรรมกายก็มีญาณทีเดียว นี่ญาณกับดวงวิญญาณผิดกันดังนี้ ไม่ใช่อย่างเดียวกันไม่ใช่อันเดียวกัน คนละอันทีเดียว จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "โอวาท" | |||
24 Oct 2019 | อวิชชานี่ล่ะ ตัวต้นเหตุแห่งทุกข์ | 00:02:51 | |
อวิชชาเป็นเหตุเป็นปัจจัย อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร อวิชฺชา ปจฺจยา สงฺขารา ดังนั้นเป็นต้น อวิชชา ความรู้ไม่จริงมันก็กระวนกระวายนิ่งอยู่ไม่ได้ ความรนหาความรู้จริงนั่นแหละ มันก็เกิดเป็นสังขารขึ้น รู้ดีรู้ ชั่ว รู้ไม่ดีไม่ชั่ว เข้าไปว่า อวิชฺชา ปจฺจยา สงฺขารา อวิชฺชา ปจฺจยา สงฺขารา อวิชชา เป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขาร เป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ ความรู้ เมื่อมีความรู้ขึ้นแล้ว วิญญาณ เป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป มันก็ไปยึดเอานามรูปเข้า นามรูป เป็นปัจจัยให้เกิด ฬายตนะ มีนามรูปแล้วก็มีอายตนะเข้าประกอบ ฬายตนะ เป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ เมื่อมีอายตนะเข้าแล้วก็รับผัสสะ ผัสสะ เป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา เวทนา เป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา ความอยากได้ดิ้นรน กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ตัณหา มีขึ้นแล้วเป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทาน ความยึดถือ อุปาทาน มีขึ้นแล้วเป็นปัจจัยให้เกิดภพ ก็ยึดถือภพต่อไป กามภพ รูปภพ อรูปภพ เกิดด้วยอัณฑชะ เกิดจากสังเสทชะ โอปปาติกะ เกิดด้วยชลาพุชะ สังเสทชะ เหงื่อไคล อัณฑชะ เกิดเป็นฟองไข่ ชลาพุชะ เกิดด้วยน้ำ พวกมนุษย์ โอปปาติกะลอยขึ้นบังเกิดอย่างพวกเทวดาสัตว์นรก นี่โอปปาติกะ นี้ที่เกิดขึ้นได้เช่นนี้ก็เพราะอวิชชานั่นเอง ไม่ใช่อื่น ถ้าอวิชชาไม่มีแล้วเกิดไม่ได้ อวิชชานะเป็นเหตุด้วย แล้วเป็นปัจจัยด้วย นี่เราท่านทั้งหลายเป็นหญิงเป็นชาย เกิดมาได้อย่างนี้ จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ" | |||
27 Sep 2019 | เปรียบธรรมเช่น ไฟ | 00:03:29 | |
ไฟเมื่อจุดขึ้นแล้ว ให้นึกถึงว่าไฟให้ความสว่าง ให้ประโยชน์แก่มนุษย์มากนัก ใช้ถูกส่วนเข้าแล้วให้ประโยชน์แก่มนุษย์มากนัก หุงต้มปิ้งจี่ได้ตามความปรารถนา ต้องการสิ่งใดได้ต้องตามความปรารถนา จะให้เป็นเรือยนต์ เรือบินได้สมมาดปรารถนา ใช้ไฟได้ดังนี้ ถ้าใช้ไม่ดี ไม่บ้านไหม้ช่องก็ได้ ธรรมก็เหมือนกัน ถ้าใช้ดีก็วิเศษวิโสนักทีเดียว ให้สำเร็จมรรคผลตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน ไปนิพพานได้สมเจตนา ถ้าทำไม่ดีก็คร่าไปโลกันต์เหมือนกัน ไปตกโลกันต์เหมือนพวกมิจฉาทิฏฐิเหมือนกัน ประพฤติธรรมไม่ดีไม่ถูก ผิดธรรมไป ไปเป็นมิจฉาทิฐิ เหมือนพระเทวทัตปฎิบัติธรรม ทำพลาดธรรมไป ไปอยู่ในอเวจี พลาดธรรมไปอเวจีเหมือนกัน ผิดธรรมไป | |||
15 Dec 2021 | ปัจฉิมวาจา | 00:02:32 | |
สมเด็จพระบรมศาสดาไว้อาลัยให้แก่เราท่านทั้งหลาย ให้เป็นเครื่อง ประจำใจของเราท่านทั้งหลายทุกถ้วนหน้า เรียกว่า ปัจฉิมวาจา พระองค์ทรง รับสั่งพระวาจานี้แล้วหับพระโอษฐ์ไม่ทรงรับสั่งต่อไป พระวาจาอันนี้เป็นที่ตรึงใจของหญิงชายในโลกทุกถ้วนหน้า ทั้ง คฤหัสถ์ บรรพชิต สมเด็จพระบรมสามิสสัมมาสัมพุทธเจ้า ไว้อาลัยให้แก่เรา ท่านทั้งหลายในเรื่อง เวยฺญธรรม ของสังขารทั้งหลาย อาลัยอันนี้แหละเป็น ปัจฉิมวาจาของพระจอมไตร ให้เราจำไว้อย่าลืมหลงว่าเราต้องเป็นอย่างนี้แน่ ไม่แปรผัน เมื่อทราบชัดด้วยใจของตนมั่นในขันธสันดานแล้ว ความเสื่อมไปของ สังขารทั้งหลาย หรือสังขารทั้งหลายเสื่อมไป ไม่ได้มีถอยกลับเลย แม้แต่ สังขารใดสังขารหนึ่ง อาศัยสราคธาตุ สราคธรรม หรือวิราคธาตุวิราคธรรม เกิดขึ้นที่เรียกว่า สังขาร สิ่งที่มีขึ้นเกิดขึ้น ปรุงขึ้นแล้ว ตกอยู่ในความแปรไป เสื่อมไปไม่มีเหลือเลย แม้สังขารอย่างใดอย่างหนึ่งเสื่อมไปทั้งนั้น ความเสื่อมอันนี้แหละเป็นเครื่องประจำใจของเราท่านทั้งหลาย ทั้ง คฤหัสถ์ บรรพชิต หญิงชายทุกถ้วนหน้า ให้นึกถึงความเสื่อมอันนี้ไว้ | |||
17 Jun 2020 | ตัวพระรัตนตรัย | 00:03:12 | |
คำสอน พระมงคลเทพมุนี เล่ม 3 ตอนที่ 10 - ตัวพระรัตนตรัย | |||
19 May 2023 | พระพุทธเจ้า พระกัสสปะ และพระโมคคัลลานะ ใช้โพชฌงค์ทั้ง ๗ ประการ แก้อาการอาพาธ | 00:05:09 | |
ในสมัยหนึ่ง นาโถ พระโลกนาถเจ้าทรงทอดพระเนตร ทรงดูพระโมคคัลลานะ และพระกัสสปะอาพาธถึงซึ่งทุกขเวทนา อาพาธเกิดเป็นทุกขเวทนา ทรงแสดงโพชฌงค์ทั้ง ๗ ดังกล่าวแล้ว ที่แสดงแล้วนี่ ทรงแสดงโพชฌงค์ทั้ง ๗ ให้ทำใจหยุดลงไว้ให้นิ่งลงไว้ เมื่อพระองค์ทรงแสดงโพชฌงค์ทั้ง ๗ แล้ว ท่านทั้งสอง พระโมคคัลลานะกับ พระกัสสปะ มีใจร่าเริงบันเทิงในภาษิตของพระองค์นั้น โรคหายในขณะนั้น นี่ความสัตย์อันนี้ ความจริงอันนี้โรคหายทีเดียว ได้ศักดิ์สิทธิ์อย่างนี้ นี่ว่าอย่างพระโมคคัลลานะ พระพุทธเจ้า นี่ท่านผู้แสวงซึ่งคุณอันยิ่งใหญ่หนา ทั้ง ๓ ท่านเป็นผู้สำเร็จแล้ว ยังมีโรคเข้ามาเบียดเบียนได้ เบียดเบียนก็ใช้โพชฌงค์กำจัดเสีย ไม่ต้องไปกินหยูก กินยา ที่ไหนเลยสักอย่างหนึ่ง โพชฌงค์เท่านั้นแหละโรคหายไปหมด ดังวัดปากน้ำบัดนี้ ก็ใช้วิชชาบำบัดโรคเช่นนี้เหมือนกัน ใช้บำบัดโรคไม่ต้องใช้ยา ตรงกับทางพุทธศาสนาจริงๆ อย่างนี้ นี่ชั้นหนึ่ง นี่พระองค์เอง พระองค์ทรงเอง คราวนี้โดนพระองค์เข้าบ้าง เอกทา ธมฺมราชาปิ เคลญฺเญนาภิปีฬิโต ครั้งหนึ่งพระธรรมราชา ธมฺมราชาปิ แม้พระธรรมราชา คือ พระพุทธเจ้าผู้เป็นเจ้าของพระธรรมเอง ปิ อันนั้นไม่แม้ แปลเป็นเองเสีย ครั้งหนึ่งพระธรรมราชาเอง อันอาพาธเข้าบีบคั้นแล้ว เคลญฺเญนาภิปีฬิโต จุนฺทตฺเถเรน ตญฺเญว ภณาเปตฺวาน ทรงรับสั่งให้พระจุนทเถร แสดงโพชฌงค์ ๗ ประการนั้นด้วยความยินดี สมฺโมทิตฺวา จ อาพาธา ทรงบันเทิงพระทัยในโพชฌงค์ที่พระจุนทเถรทรงแสดงถวายนั้น อาพาธหายไปโดยฉับพลัน ด้วยฐานะอันสมควร ด้วยความสัตย์อันนี้ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ นี่พระองค์เองอาพาธ พระจุนทเถรแสดงสัมโพชฌงค์ระงับ ก็หายอีกเหมือนกัน ในท้ายพระสูตรนี้ ว่า ปหีนา เต จ อาพาธา อาพาธทั้งหลายเหล่านั้น ตมฺหาวุฏฺฐาสิ ฐานโส มคฺคาหตกิเลสา ว ปตฺตานุปฺปตฺติธมฺมตํ อาพาธทั้งหลายเหล่านั้นถึงซึ่งความดับไป ดุจกิเลสอันมรรคกำจัดไปดังนั้น ไม่เกิดขึ้นได้ นี่ด้วยความสัตย์จริงอันนี้ ด้วยความกล่าวสัตย์อันนี้ ขอความสวัสดีจงบังเกิดมีแก่ท่านทุกเมื่อ นี่ความจริงเป็นดังนี้
| |||
01 Jun 2022 | เมื่อรู้แล้วจึงรอไม่ได้ | 00:02:26 | |
วันคืนเดือนปีล่วงไปๆ มิได้ล่วงไปแต่วันคืนเดือนปีเปล่า ชีวิตของเราล่วงตามวันคืนเดือนปีนั้นไปด้วย ชีวิตที่เป็นอยู่ร้อยปี พอหมดไป เสียวันหนึ่งก็ขาดร้อยปีไปวันหนึ่งแล้ว ลดคืนหนึ่ง ผ่านร้อยปีไปคืนหนึ่งแล้ว หมดเสียวันกับคืนหนึ่ง ขาดร้อยปีไปวันกับคืนหนึ่งแล้ว อย่างนี้เรื่อยไป เมื่อวันคืนเดือนปี ล่วงไปเท่าไร ชีวิตก็หมดไปเท่านั้น เมื่อรู้จักหลักอันนี้แล้ว เดินรุดหน้าไปข้างเดียว เกิดมาแล้วไม่มีถอยหลังเลย จะยั้งอยู่ไม่ได้อนุวินาทีหนึ่งก็ไม่ได้ รอสักประเดี๋ยวเถอะน่า ยังห่วงลูกรักลูกอยู่ ไม่ได้ รอประเดี๋ยวเถอะน่ายังห่วงพระห่วงเณรนัก ไม่ได้ รอไม่ได้ทั้งนั้นแหละไม่ว่าใคร นี่เพิ่งรู้ ชัดว่าวันคืนเดือนปีล่วงไปๆ ไม่ใช่ล่วงไปแต่วันคืนเดือนปีเปล่า ชีวิตจิตใจล่วงไปด้วย ความเป็นอยู่ล่วงไปด้วย ล่วงไปอย่างวอดวายเช่นนี้ | |||
30 Jul 2023 | ไม่สำรวมตา ชอบดูนั่นดูนี่ อย่างนี้มีโทษ | 00:02:31 | |
สำรวมตาไม่ได้ ชอบดู ชอบไปดูโน่นดูนี่ ในการไปดูเป็นอย่างไรบ้าง? เป็นอันตรายรถชนก็มี ไปดูไฟไหม้เหยียบกันเหลวแหลกตายก็มี นี่เพราะอะไร? ชอบดูละซิ ชอบดูนั่นร้ายนักแหละ ในกลางค่ำกลางคืนเขาประหารซึ่งกันและกัน พลาดเนื้อพลาดตัวถึงกับเขายิงตาย ฟันตาย แทงตายกันอเนกอนันต์สุดซึ้งจะพรรณนา มีทุกบ้านทุกช่องไป นี่เพราะระวังการดูไว้ไม่ได้ อยากดูอยากฟัง นี่เป็นข้อสำคัญอยู่ให้สำรวมระวังไว้เถอะ ไม่ไร้โทษนัก ต้องคอยระแวดระวังทีเดียว เพราะการดูเป็นคุณก็มี โทษก็มี ภิกฺขูนํ ทสฺสนาย ดูแลพระภิกษุไม่เป็นโทษ ดูแลหมู่พระภิกษุให้เล่าเรียนศึกษา คันถธุระ วิปัสสนาธุระ ดูแลเหมือนอย่างกับ พ่อแม่ดูแลลูกนั้น อย่างนี้ไม่เป็นโทษ หรือพ่อแม่ดูแลลูกให้เล่าเรียนศึกษาทำความดีต่อไป อย่างนี้ไม่มีโทษ การดูแลอย่างอื่น ดูแลมหรสพต่างๆ เสียเงินด้วย เสียเวลาด้วย ด้วยประการทั้งปวง | |||
25 Oct 2022 | 📚 กัณฑ์ที่ ๒๙ ภัตตานุโมทนากถา | 01:09:24 | |
กัณฑ์ที่ ๒๙ ภัตตานุโมทนากถา ๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๗ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ (๓ หน) โภชนํ ภิกฺขเว ททมาโน ทายโก ปฏิคฺคาหกานํ ปญฺจ ฐานานิ เทติฯ กตมานิ ปญฺจฯ องฺ.ปญฺจก.(บาลี) ๒๒/๓๗/๔๔-๔๕ ณ บัดนี้อาตมภาพจักได้แสดงธรรมิกถาว่าด้วย ภัตตานุโมทนากถา เฉลิมเพิ่มเติมศรัทธาของท่านทานบดี พร้อมด้วยวงศาคณาญาติเนื่องด้วยสายโลหิต และเนื่องด้วยความคุ้นเคย ญาติสาโลหิตา ญาติเนื่องด้วยสายโลหิตและเนื่องด้วยความคุ้นเคย ญาติมี ๒ อย่าง เนื่องด้วยสายโลหิตเรียกว่า สาโลหิตา เนื่องด้วยความคุ้นเคยเรียกว่า วิสฺสาส ปรมา ญาตี ญาติที่เนื่องด้วยความคุ้นเคยกัน พระองค์ทรงสรรเสริญว่าเป็นญาติอย่างยิ่ง วันนี้ เจ้าภาพพร้อมด้วยบุตรภรรยาวงศาคณาญาติ พากันมาบริจาคทานแก่พระภิกษุสามเณร ตลอดจนอุบาสกอุบาสิกา ตอนเช้าได้ถวายข้าวยาคูคือข้าวต้ม เวลาเพลได้ถวายโภชนาหารพร้อมทั้งพยัญชนะอันสมควร เวลาบ่ายนี้ให้มีพระธรรมเทศนา น้อมนำปัจจัยไทยธรรมบูชาพระสัทธรรม เห็นสภาวะฉะนี้ได้ชื่อว่าถวายทานแด่พระธรรม เป็นอันว่าเจ้าภาพได้ถวายทานแด่พระพุทธเจ้า มีรูปพระปฏิมากรเป็นประธาน มีพระสงฆ์เป็นบริวาร และได้ชื่อว่าถวายทานแด่พระธรรม และได้ชื่อว่าถวายทานแด่พระสงฆ์ ทั้ง ๓ นี้เป็น เนมิตกนาม พุทฺโธ เป็นเนมิตกนามเกิดจากพุทธรัตนะ ธมฺโม เป็นเนมิตกนามเกิดจากธรรมรัตนะ และ สงฺโฆ เป็นเนมิตกนามเกิดขึ้นจากสังฆรัตนะ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ทั้ง ๓ นี้เป็นตัวแก่นสารของพระพุทธศาสนา... | |||
12 Oct 2020 | คนฉลาด | 00:01:45 | |
การเรียนวิชาใดๆ เราต้องใช้วิชานั้นๆ ได้นะ ถ้าเรียนแล้วใช้วิชานั้นๆ ไม่ได้จะเรียนทำไมเสียเวลาเปล่าๆ เสียข้าวสุก จะเรียนวิชาไหนต้องใช้วิชานั้นได้เอาพึ่งได้ เอาวิชานั้นใช้ได้ เหมือนยังกับเราเรียนวิชาวันนี้ เราจะต้องเรียนจริงทำจริง ต้องพึ่ง วิชาที่เราเรียนนี้ให้ได้ ให้ศักดิ์สิทธิ์ทีเดียว ครูใช้ได้อย่างไร เราก็ต้องได้เหมือนครู อย่างนี้เรียกว่า คนมีปัญญา เรียกว่า คนฉลาด จากพระธรรมเทศนาเรื่อง | |||
23 Apr 2023 | 📚 กัณฑ์ที่ ๓๗ โพชฌงคปริตร ว่าด้วย มหัศจรรย์คาถาแก้โรคภัย | 00:38:13 | |
ณ บัดนี้อาตมภาพจักได้แสดงความจริงความสัตย์ ซึ่งปรากฏชัดตามตำรับตำราอันมีมาในโพชฌงคปริตรจะแสดงตามวาระพระบาลี คลี่ความเป็นสยามภาษา ตามมตยาธิบาย พอเป็นเครื่องปฏิการสนองประคองศรัทธา ประดับสติปัญญาคุณสมบัติของท่านผู้พุทธบริษัท ทั้งคฤหัสถ์ บรรพชิตบรรดามาสโมสรในสถานที่นี้ทุกถ้วนหน้า *เริ่มต้นธรรมเทศนาว่า ยโตหํ ภคินิ อริยาย ชาติยา ชาโต นาภิชานามิ สญฺจิจฺจ ปาณํ เป็นอาทิ นี้เป็นคำของพระอังคุลิมาลเถระท่านแสดงไว้ ท่านเชิดความจริงความสัตย์ของท่าน ให้พุทธบริษัทจำไว้เป็นเนติแบบแผน *เมื่อครั้งหนึ่งพระอังคุลิมาลเถระ ไปพบหญิงปวดครรภ์เต็มที่จะคลอดบุตร แต่มันคลอดไม่ออก มันจะถึงกับตายร้องไห้ พระอังคุลิมาลเถระช่วย พระอังคุลิมาลเถระจึงได้เปล่งวาจาช่วยหญิงคลอดบุตรนั้นว่า *ยโตหํ ภคินิ อริยาย ชาติยา ชาโต นาภิชานามิ สญฺจิจฺจ ปาณํ ชีวีตา โวโรเปตา เตน สจฺเจน โสตฺถิ เต โหตุ โสตฺถิ คพฺพสฺส *แปลเป็นสยามภาษาว่า ดูกรน้องหญิง ตั้งแต่เราเกิดมาแล้ว โดยชาติเป็นอริยะ นาภิชานามิ ไม่มีใจแกล้งเลยที่จะปลงสัตว์ที่มีชีพและชีวิต ด้วยความสัตย์อันนี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน ขอความสวัสดีจงมีแก่ครรภ์ของท่าน พอขาดคำเท่านี้ หญิงนั้นคลอดบุตรผลุดทีเดียว หายจากทุกข์ภัยกัน การคลอดบุตร เมื่อคลอดเสียแล้วมันก็หายทุกข์หายภัย หายลำบากแก่มารดาผู้คลอด เหมือนท้องผูกถ่ายอุจจาระไม่ออก มันก็เดือดร้อนแก่เจ้าของ แต่พอออกมาเสียแล้วก็หมดทุกข์กัน นี้ด้วยความสัตย์อันนี้แหละคลอดบุตรก็ ง่ายเต็มที นี่บทต้น | |||
08 Dec 2021 | สังขารทั้งหลายเกิดจากธาตุธรรมผลิตขึ้น | 00:02:42 | |
จาก รวมพระธรรมเทศนาพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) กัณฑ์ที่ ๑๕ เรื่อง ติลักขณาทิคาถา | |||
20 Aug 2020 | สุขที่สัตว์ปรารถนาจะพึงได้ | 00:08:37 | |
สุขที่สัตว์ปรารถนาจะพึงได้ | |||
16 Apr 2020 | สามัญญผล | 00:03:26 | |
ส่วนเจ้าตัวผู้บวชล่ะ จะมีอานิสงส์ผลเป็นประมาณใดล่ะ? นี่เจ้าผู้ตัวบวชน่ะพอบวชเข้าเท่านั้น นั่นเห็นไหมล่ะแปลกประหลาดผลอานิสงส์เกิดปัจจุบัน พวกเราเป็นหญิงเป็นชายต้องไหว้นบเคารพหมดทีเดียวที่เคยพูดต่ำๆสูงๆ พูดไม่ได้เสียแล้ว ไหว้นบเคารพเป็นกระถางธูปเสียแล้ว นั่นแน่ะวิเศษประเสริฐอย่างนี้ ชื่อเสียงเรียงรายก็ปรากฏไปต่างๆ มีปรากฏจำเพาะปัจจุบันทีเดียวเข้าแล้ว ที่สุดจนกระทั่ง โทษประหารชีวิต เมื่อครั้งพุทธกาลหรือในเมื่อครั้งแผ่นดินต้นๆ นี่เขาไม่เอาโทษผิดแก่ผู้บวชแล้ว เมื่อบวชแล้วก็เป็นแล้วกันให้อภัยทีเดียว ให้อภัยเป็นอันขาด นี้ก็ด้วยอานิสงส์ผล เขาเรียกว่า"สามัญญผล" ผลบังเกิดปัจจุบันทันตาเห็น | |||
30 May 2020 | นิพพานเป็น-นิพพานตาย | 00:06:02 | |
นิพพานที่ท่านจำแนกเป็น 2 ประเภทนั้นคือ สอุปาทิเสสนิพพาน ๑ อนุปาทิเสสนิพพาน ๑ สำหรับพวกทำสมาธิปัจจุบันเรียกกันง่ายๆ อีกแบบหนึ่งคือ นิพพานเป็น อันตรงกับ สอุปาทิเสสนิพพาน และนิพพานตาย อันตรงกับ อนุปาทิเสสนิพพาน | |||
17 May 2021 | การทำความเห็นของตนให้ตรง (กัณฑ์๗ ตอน๖) | 00:04:05 | |
กัณฑ์๗ มงคลกถา ว่าด้วย เหตุแห่งความเจริญ ในเรื่องของ การอยู่ในประเทศอันสมควร ความเป็นผู้กระทำความดีไว้ในกาลก่อน การตั้งตนชอบ | |||
01 Jan 2023 | ไม่พึงดูหมิ่นบรรพชิตแม้เป็นสามเณร | 00:05:59 | |
พระโสดาบันบุคคลนั้น เราก็ไม่รู้จักว่ารูปพรรณสัณฐานนั้นเป็นอย่างไร เนื้อตัวเป็นอย่างไร ไม่เป็นอย่างไรดอก เป็นมนุษย์ธรรมดานี่แหละ แบบเดียวกับพวกเรา เป็นหญิง เป็นชาย เป็นภิกษุ สามเณร อย่างนี้แหละ เป็นพระโสดาบัน เราก็ไม่รู้ เป็นพระสกทาคามี เราก็ไม่รู้ เป็นอนาคา เราก็ไม่รู้ เป็นพระอรหัต เราก็ไม่รู้ ไม่รู้จักทั้งนั้น อย่าว่าแต่เราในยุคนี้ ครั้งนี้เลยที่ไม่รู้ตัวพระโสดา สกทาคา อนาคา อรหัตน่ะ ครั้งพุทธกาลแท้เทียว ต่อหน้าพระพุทธเจ้า มีสามเณรเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งอายุได้ ๗ ขวบ เป็นพระอรหันต์สูงสุดในพระพุทธศาสนา ภิกษุหนุ่มก็มีพรรษาหลายพรรษาแล้ว เห็นเณรก็รักใคร่ เนื้อท่านเกลี้ยงเกลา สะอาดสะอ้านเป็นลูกมะปรางเทียว ใจท่านสมบูรณ์บริบูรณ์ เป็นพระอรหันต์ไปทีเดียว ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานแล้ว เข้าไปถาม พ่อเณรไม่คิดถึงโยมบ้างหรือ ยังเด็กเล็กอยู่ รักใคร่อยากจะพูดกับสามเณร พ่อเณรไม่หิวข้าวหรือ เย็นๆ น่ะ เณรก็บอกไปตามหน้าที่ของเณร หนักเข้า เข้าไปใกล้เอามือลูบศีรษะเณรเข้าแล้ว ลูบมือลูบเท้าลูบหัวสามเณรเข้าแล้ว พอไปลูบหัวเข้า เท่านั้นแหละ พระพุทธเจ้าเหลือบพระเนตรมาเห็นเข้าแล้วว่า โอ้ ภิกษุนั่นไม่รู้จักอะไร ไปจับอสรพิษเข้าที่เขี้ยวทีเดียว ลูบช้างสับมันเข้าที่งาทีเดียว ไม่รู้จักตายเมื่อไรล่ะ รับสั่งหาพระอานนท์ทีเดียว ให้ประชุมหมู่ภิกษุสามเณรพร้อมกัน พระองค์ทรงรับสั่งว่า เราจะต้องการน้ำที่ในสระอโนดาตนั่น มาชำระพระบาทสักหน่อยหนึ่ง ใครจะไปเอาให้เราได้ ก็จงไปเถอะ ไปตามปรารถนา ทรงรับสั่งแล้วท่านก็ดุษณีภาพนิ่งอยู่ พระอรหันตขีณาสพเจ้าทั้งหลายท่านก็รู้ ปัญหาข้อนี้ไม่ได้ผูกเพื่อท่าน ผูกเพื่อสามเณรองค์นั้น ส่วนภิกษุปุถุชนก็ไม่รู้จะไปเอาได้อย่างไร น้ำในสระอโนดาต เหมือนยังกับพวกเราในบัดนี้ ไม่มีฤทธาศักดานุภาพ ไม่มีมรรคผลอันใด ที่จะเหาะเหินเดินอากาศไปเอาน้ำสระอโนดาตได้ ก็ไม่อาจจะไปได้เพราะไปไม่ได้จริงๆ เป็นปุถุชนท่านก็จนใจอยู่ พอสมควรแล้วสามเณรก็ลุกขึ้นทีเดียว ไปเอาหม้อต้มกลักใหญ่ไม่ใช่น้อย เอาเชือกผูกหม้อต้มกลักเข้าที่ปากหม้อ เอาเหน็บเข้าที่หลัง เหมือนคนขึ้นตาลดังนั้น พอเหน็บเข้าข้างหลังได้ สามเณรก็ไปในอากาศเหมือนยังกับหงส์บินไปในอากาศ หม้อต้มกลักใบใหญ่นั่นก็ติดห้อยที่ก้นนั่น ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ไปเอาน้ำสระอโนดาตมาถวายพระบรมศาสดาเสียแล้ว ภิกษุที่จับศีรษะสามเณรอรหันต์นั้น ตกอกตกใจเทียว โอ้ตายจริง เราไปลูบเอาศีรษะพระอรหันต์เข้าแล้ว นี่ไม่รู้จักจริงๆ อย่างนี้นา ไม่แกล้งหรอก ท่านไปจับเช่นนั้นไม่ได้แกล้งหรอก รักใคร่อยากจะลูบจะคลำท่าน แต่ไปลูบเอาศีรษะพระอรหันต์เข้า หารู้ตัวไม่ บัดนี้ เราก็ไม่รู้ หญิงก็ดี ชายก็ดี ภิกษุ สามเณร ในธรรมวินัยนี้ มีธรรมแค่ไหน เราก็ไม่รู้ว่า พระโสดาบันบุคคลมีธรรมแค่ไหน เราก็ไม่รู้ สกทาคามีบุคคลมีธรรมแค่ไหน อนาคามีบุคคลมีธรรมแค่ไหน อรหัตบุคคลมีธรรมแค่ไหนเราไม่รู้ | |||
17 Dec 2023 | พยาบาท หมายมาดให้เขาถึงความวิบัติพลัดพราก | 00:01:38 | |
ถ้าดีกว่าตัว เกินตัว ก็ให้วิบัติพลัดพรากไปเสีย โดยวิธีอย่างใดอย่างหนึ่ง ด้วยเหลี่ยมโกงอย่างใดอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นจากความพยาบาท พยาบาทเข้าแทรกแซงคอยป้องกันไว้ ไม่ให้เขาสูงกว่าเราได้ ขออย่าให้คนอื่นถูกล๊อตเตอรี่เบอร์หนึ่งเสีย ให้เราถูกคนเดียวเถอะ นั่นแน่พยาบาท พออยากจะได้สมบัติก้อนใหญ่ก็เข้าป้องกันสมบัตินั้นทีเดียว คนอื่นอย่าให้ถูก ให้ถูกเราคนเดียว นั่นแน่ นี่พยาบาทให้คนอื่นตกจากสมบัติเสีย ให้ถึงความวิบัติพลัดพรากเสีย | |||
05 Jan 2023 | เมื่อพระโสดาบันบุคคล เพลี่ยงพล้ำไปทำบาปเข้า | 00:02:58 | |
ก็ที่พระโสดาบันยังทำความเป็นบาปด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทำอย่างไร จึงจะเรียกว่าทำบาป ท่านเพลี่ยงพล้ำไป ไม่ได้มีเจตนา แต่เพลี่ยงพล้ำไป เมื่อเพลี่ยงพล้ำลงไปอย่างหนึ่งอย่างใด ถึงกับเป็นอันตรายต่อศีลบ้างหรือเกือบจะเป็นบ้าง ท่านก็แก้ไขเสีย ท่านไม่นิ่งเฉยอยู่ ชั่วร้ายด้วยกาย ด้วยวาจาอย่างใดอย่างหนึ่งของท่าน ท่านก็แสดงต่อเพื่อนพรหมจารีเหมือนภิกษุสามเณรแสดงอาบัติ เมื่อต้องอาบัติแล้วก็แสดงอาบัติต่อเพื่อนพรหมจารีว่าจะไม่ทำต่อไป สัญญากันเสียเช่นนั้น พระโสดาบันท่านก็สัญญาเช่นนั้นแน่นอนทีเดียว ไม่ยักเยื้องแปรผัน เหมือนพวกเราในบัดนี้ รู้ว่าศีลไม่บริสุทธิ์ ก็รับสมาทานทีเดียว แก้ไขอีกเสีย นี่ปุถุชน แต่ว่าคล้ายพระโสดาบันบุคคลเหมือนกัน ไม่เป็นคนใจกล้าหน้าด้าน คอยระแวดระวังอยู่อย่างนี้ เพลี่ยงพล้ำแล้วก็แสดงเสีย แก้ไขตัวเสียให้สะอาด เมื่อแก้ไขตัวสะอาดเสียเช่นนี้ ก็คล้ายพระโสดาบันบุคคล พุทธศาสนานิยมอย่างนี้ เหตุนั้นที่พระโสดาบันบุคคล ท่านไม่ปกปิดบาปกรรมอันนั้น เพราะท่านเห็นทางไปนิพพาน ทางนิพพานท่านเห็นเสียแล้ว ท่านจึงไม่ปกปิดบาปกรรมอันนั้นไว้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับสั่งไว้อย่างนี้ | |||
12 Oct 2023 | เห็นจิตในจิต เห็นอย่างไร | 00:02:43 | |
เห็นจิตในจิตล่ะ ดวงจิตตามส่วนของมัน ก็เท่าดวงตาดำข้างนอก ถ้าว่าไปเห็น เข้ารูปนั้นมันขยายส่วน วัดเท่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เหมือนกัน ดวงจิตก็ขนาดเดียวกัน ไปเห็นจริงๆ เข้าเช่นนั้นขยายส่วนเท่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ดวงจิตปรากฏอยู่ในดวงจิต กายมนุษย์หยาบนี่แหละ แต่ว่าเป็นดวงจิตของกายมนุษย์ละเอียด อยู่ในกายมนุษย์ ละเอียดโน่น แต่ว่าซ้อนอยู่ข้างในนี่แหละ | |||
16 Oct 2019 | บุคคลผู้ชื่อว่ามี ศรัทธา | 00:02:12 | |
ศรัทธา ศรัทธา ความเชื่อ เมื่อประพฤติถูกเช่นนี้ เชื่อแน่ก็ได้รับความสุขแท้ๆไม่ต้องไปสงสัยเชื่อมั่นลงไปทีเดียว เชื่อมั่นลงไปเช่นนั้นแล้วล่ะก็ การประพฤติปฏิบัติในพระธรรมวินัยของพระศาสดาเราเชื่อมั่นทีเดียว เชื่อว่าพระเจ้ามีจริงอยู่ พระธรรมมีจริงอยู่ พระสงฆ์มีจริงอยู่ เราเข้ายังไม่ถึงหรือเราเข้าถึงแล้ว จักรักษาให้มั่นอย่าให้ฟันเฟืองต่อไป อย่าให้มัวหมอง ให้ผ่องใสหนักขึ้น ให้เข้าถึงจุดหมายปลายทางที่พระพุทธเจ้าไปแค่ไหนก็ไปให้ถึงแค่นั้น หรือเมื่อรู้จักทางไปของพระพุทธเจ้าพระอรหันต์แล้ว ตั้งใจให้แน่วแน่ๆ ไม่ให้คลาดเคลื่อน รักษาไว้ นั่งนอนยืนเดินให้เห็นเสมอไป ให้รู้แน่ว่าเราตายจากมนุษย์ชาตินี้ ต้องไปเกิดที่นี่ ที่อยู่เป็นดังนี้ เห็นปรากฏ ผู้ที่เขาตายไปแล้วก็เห็นปรากฏ ผู้ที่เขาเกิดมาแล้วมีรูปพรรณสันฐานเป็นอย่างนี้เพราะทำสิ่งอันใด เมื่อรู้ชัดดังนั้นก็ทำแต่สิ่งที่ดี ชอบดีก็ทำแต่สิ่งที่ดี สิ่งที่ชั่วก็ไม่ทำต่อไป คราวนี้ได้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วยศรัทธาความเชื่อ จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "สังวรคาถา" | |||
20 Jan 2021 | ตัวพระรัตนตรัย และการเข้าถึง (กัณฑ์๑ ตอน ๒๔/๒๗) | 00:08:17 | |
พระธรรมเทศนา พระมงคลเทพมุนี หลวงปู่วัดปากน้ำ กัณฑ์ที่ ๑ เรื่อง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ตอน ๒๔-๒๗ อธิบาย "อธิบายเรื่อง ตัวพระรัตนตรัย และการเข้าถึง" | |||
13 Apr 2020 | เหมือนไฟ | 00:04:50 | |
ถ้าต้องการไฟด้วยไต้ด้วยเทียน ต้องมีไต้มีเทียนมาเป็นไส้ไว้ ขาดเชื้อไม่ได้ ขาดเชื้อไฟก็ดับ ไฟต้องอาศัยเชื้อ ไม่มีเชื้อไฟอยู่ไม่ได้ ดับ ถ้าหากเป็นไฟฟ้าก็ต้องบำรุงเตาไฟฟ้าไว้ ไฟนั้นจึงจะคงอยู่ได้ ถ้าว่าไฟในเตาไฟฟ้าดับหมด ไฟที่จะจ่ายมาเอาค่าจ้างเขาก็ไม่มี อยู่ไม่ได้ หากว่าไฟที่ใช้ไฟฉายกันนี้ใช้ถ่านไฟฉายเช่นนี้ ก็อยู่ชั่วกำลังของไฟฉายนั้น หมดกำลังไฟก็ดับไป อยู่ไม่ได้เหมือนกัน ต้องคอยปรนปรือเสมอ ไฟของมนุษย์ ไฟที่เรียกว่า มนุษยธรรม ธรรมของมนุษย์นี่ก็ดุจเดียวกัน ต้องคอยปรนปรือเสมอ ใส่เชื้อเสมอ เชื้ออะไรล่ะ ? ข้าวสุก ขนมปัง ขนมแห้ง ปลา เนื้อ ต้องคอยจุนเจือมันเสมอ ถ้าไม่จุนเจือแล้ว ไฟที่เรียกว่ามนุษยธรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์นี้ก็ดับเหมือนกัน ไม่จุนเจือไม่ได้ ไม่จุนเจือ ดับแน่นอนทีเดียว ไม่ต้องสงสัย | |||
21 Oct 2020 | ร่างกายพระสิทธัตถะ ไม่ใช่พุทธรัตนะ | 00:02:25 | |
รัตนะ แปลว่า แก้ว ในที่นี้หมายเอาแก้วอย่างประเสริฐ เช่นแก้วมณีโชติรส ซึ่งนับถือกันว่าเป็นแก้วมีคุณวิเศษสูงสุด ใครมีไว้ย่อม ชื่นชมโสมนัส อิ่มอกอิ่มใจยิ่งกว่าทรัพย์สินอย่างอื่นทั้งหมดในโลก แก้วคือพระรัตนตรัยนี้ เหมือนกัน ผู้ใดเข้าถึงก็ย่อมอิ่มใจ ชื่นใจเช่นเดียวกัน ร่างกายพระสิทธัตถะ ไม่ใช่พุทธรัตนะ พระสิทธัตถะทรงกระทำความเพียรอยู่ถึง ๖ พรรษา จึงพบรัตนะอันลี้ลับซับซ้อนอยู่ในพระองค์ คือกายธรรม มีสัณฐานเหมือนพระปฏิมากรเกตุดอกบัวตูมมีสีใสเหมือนกระจก ปรากฏอยู่ในศูนย์กลางกาย ที่ว่านี้มีหลักฐานใน อัคคัญญสูตร สุตตันตปิฎก ทีฆนิกายปฏิกวรรค ที่พระพุทธองค์ตรัสแก่วาเสฏฐสามเณรว่า ตถาคตสฺส เหตํ วาเสฏฐาธิวจนํ ธมฺมกาโย อหํ อิติปิ | |||
05 Mar 2021 | 📚 รวม กัณฑ์ที่ ๓ รตนัตยคมนปณามคาถา ว่าด้วยความนอบน้อมในพระรัตนตรัย | 00:34:17 | |
พระธรรมเทศนา พระมงคลเทพมุนี หลวงปู่วัดปากน้ำ กัณฑ์ที่ ๓ รตนัตยคมนปณามคาถา ว่าด้วยความนอบน้อมในพระรัตนตรัย | |||
18 Feb 2023 | คนผู้สันโดษ | 00:01:39 | |
สนฺตุสฺสโก เป็นผู้สันโดษ สันโดษน่ะยินดีปัจจัยตามมีตามได้ เหมือนเป็นภิกษุสามเณร เช่นนี้ ยินดีปัจจัยตามมีตามได้ ได้อย่างไรก็ยินดีอย่างนั้น มีอย่างไรก็ยินดีอย่างนี้ ไม่ก้าวก่ายเกะกะ ไม่ทำบุคคลผู้เลี้ยงให้เดือดร้อน มีนี่จะเรียกอันโน้นต่อไป อย่างชนิดนี้ไม่สันโดษ ยินดีตามมีตามได้จึงเรียกกว่าเป็นผู้สันโดษ นี่เป็นข้อที่ ๗ เป็นผู้สันโดษ ยินดีปัจจัยตามมีตามได้ | |||
04 Aug 2020 | นอกใจหรือในใจ | 00:04:35 | |
นอกใจหรือในใจ | |||
13 May 2020 | เรื่องสุข | 00:03:24 | |
เรานึกถึงความสุข ไม่ยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส นั่นมันซากของศพ นั่นไม่ใช่สุขจริง ไม่ใช่เนื้อหนังของสุข มันซากของสุขนะ เมื่อหลุดขึ้นพอพ้นจากกามไปแล้ว ถึงรูปภพเข้า ไปถึงรูปฌาณทั้ง ๔ เข้า นึกถึงสุขของกาม ไอ้สุขของกามนั้นมันเศษสุข ไม่ใช่สุขจริงๆ เมื่อไปถึงอรูปฌาณเข้า ไอ้สุขของรูปฌาณนั่นน่ะ มันสุขอย่างหยาบนะ ไม่ใช่สุขละเอียดนุ่มนวล ชวนให้สบายอกสบายใจ เหมือนอรูปฌาณ | |||
05 Feb 2021 | อริยมรรค ๘ ประการ (กัณฑ์๒ ตอน ๒/๔) | 00:11:53 | |
กัณฑ์๒ โพธิปักขิยธรรมกถา ตอน 2 | |||
05 May 2020 | สุขน้อย..สุขใหญ่ | 00:04:28 | |
เพราะติดสุขในภพเหล่านี้แหละเรียกว่า ติดสุขน้อย ไม่ใช่สุขใหญ่ สุขใหญ่ คือ สุขอันไพบูลย์ ให้ละสุขน้อยอันนั้น เมื่อไปถึงแล้วก็ไม่ติด สุขหนักขึ้น ไม่ถอยเลย ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ สุขทวีขึ้นไปเหล่านี้เลย ไม่มีถอยกลับ นี่ต้องนับว่าวิชชาวัดปากน้ำ วิชชาสมถะวิปัสสนาเดินให้ถูกแนวนั้นทีเดียว เข้าถึงธรรมกายให้ได้ เข้าถึงธรรมกายเป็นลำดับไป ยิ่งใหญ่ไพศาลนับประมาณไม่ได้ จะไปพบพระพุทธเจ้า พระนิพพาน พระอรหันต์ ก็รู้ตัวทีเดียวว่า เราเกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา ได้รู้จักของจริง เห็นของจริงอย่างนี้ ไม่เสียทีที่พ่อแม่อาบน้ำป้อนข้าวมา อุ้มท้องมาไม่หนักเปล่า แม้บุคคลที่จะทนไว้ด้วยเศียรเกล้าก็ไม่เมื่อยเปล่า ไม่หนักเปล่า จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "สุขที่สัตว์ปราราถนาจะพึงได้" | |||
18 Jun 2020 | ความเพียร | 00:01:32 | |
คำสอน พระมงคลเทพมุนี เล่ม 3 ตอนที่ 11 - ความเพียร | |||
18 Dec 2023 | นิพพานอยู่ที่ไหน เขาว่านิพพานอยู่ในใจหรืออย่างไรกัน | 00:01:44 | |
นิพพานนะอยู่อย่างไรกัน อยู่ที่ไหน เขาว่านิพพานอยู่ในใจ คำว่านิพพานนะ นิกฺขนฺตํ นิพฺพานํ ใจของเราออกจากกิเลสเครื่องร้อนได้เป็นตัวนิพพาน นี่นิพพานไม่อยู่กับใจเสียแล้ว ใจออกจากกิเลสเครื่องร้อยรัดไปเสียแล้ว ใจออกจากกิเลสเครื่องร้อยรัดไป ตัวใจที่ออกจากกิเลสเครื่องร้อยรัดนั่นหรือตัวนิพพาน กิเลสเข้าไปเย็บร้อยอยู่นั่น หลุดออกเสียจากกิเลส ขาดออกไปเสียจากกิเลส นั่นหรือเป็นตัวนิพพาน นั่นเป็นตัวออกจากกิเลสเครื่องร้อยรัด เมื่อออกจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว จึงจะไปสู่นิพพานอีกครั้งหนึ่ง | |||
06 Aug 2020 | ไม่ยาก ไม่ง่าย | 00:03:23 | |
ไม่ยาก ไม่ง่าย | |||
12 May 2021 | ทำไมจึงเกิดเป็นพระเจ้าแผ่นดิน (กัณฑ์๗ ตอน๔) | 00:07:26 | |
กัณฑ์๗ มงคลกถา ว่าด้วย เหตุแห่งความเจริญ ในเรื่องของ การอยู่ในประเทศอันสมควร ความเป็นผู้กระทำความดีไว้ในกาลก่อน การตั้งตนชอบ | |||
29 Apr 2022 | ทรัพย์อันประเสริฐ ของพระอริยเจ้า ข้อที่ ๓ ความเลื่อมใสในพระสงฆ์ | 00:10:19 | |
สงฺเฆ ปสาโท ยสฺสตฺถิ ความเลื่อมใสในพระสงฆ์มีอยู่แก่บุคคลใด ข้อต้นเรากล่าวว่า พุทฺโธ ถึงพระพุทธเจ้า ข้อที่ ๒ นั้นเป็นศีลไป ข้อที่ ๓ นี้มาเป็นพระสงฆ์ ความเลื่อมใสในพระสงฆ์ ความเลื่อมใสในพระสงฆ์ นั้นเลื่อมใสอย่างไร พระสงฆ์นี้ท่านประพฤติน่าเลื่อมใส ท่านประพฤติดี เป็นภิกษุสามเณรประพฤติดีละก็ อาจจะเป็นอายุพระพุทธศาสนาได้ดี เหมือนพระเจ้าศรีธรรมา โศกราชเห็นนิโครธสามเณรเข้า เห็นมารยาทเรียบร้อย สำรวมกาย วาจา ดีไม่มีที่ติ ใช้ให้ราชบุรุษไปตามนิมนต์ คนหนึ่งไป พอลับตัวก็ใช้อีกคนหนึ่งไป ใช้ติดกันเรื่อยไป เลยทีเดียว กลัวจะไม่ได้พ่อสามเณรมา ได้สามเณรมาสมความปรารถนาแล้วให้นั่งบนที่นั่งของพระองค์ ใต้เศวตฉัตร ๙ ชั้น อาราธนาให้แสดงธรรม พ่อสามเณรก็แสดงเป็นเรื่องไป นิโครธสามเณรน่ะฉลาดเฉลียวนัก ประพฤติดี พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้บำรุงพระพุทธศาสนาเพราะนิโครธสามเณรองค์นั้นแหละ เป็นตัวสำคัญ ภิกษุสามเณรในบัดนี้ ถ้าประพฤติตัวดีถึงขนาดนั้น ก็ได้ชื่อว่าเป็นอายุพระพุทธศาสนา เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชุมชนทั้งหลาย ควรเอาเป็นตำรับตำรา ถือเอาไว้เป็นเนติแบบแผนทีเดียวอย่างนั้น นี่เป็นความเห็นที่มนุษย์ปุถุชนเห็นกันอย่างนี้ ว่าเลื่อมใสในพระภิกษุสามเณรอย่างนี้ เลื่อมใสซึ่งเข้าไปกว่านั้นต้องปฏิบัติเข้าไปถึงจิตถึงใจ เข้าไปถึงธรรมกาย ตั้งแต่พระตถาคตเจ้าเป็นตัวธรรมกาย ศีลที่จะเข้าธรรมกายเพราะอาศัยเดินถูกทางศีล เข้าไปถึงสมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ กว่าจะเข้าถึงพระสงฆ์น่ะ ไกลลิบ เข้าถึงดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมกายแล้วจะเห็นชัด บัดนี้ที่เราเป็นมนุษย์อยู่เราควรเลื่อมใสใคร เราควรเลื่อมใสกายมนุษย์ละเอียดซี กายมนุษย์ละเอียดรักษาดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ไว้ กายมนุษย์ที่จะอยู่ได้เป็นหลักฐานมั่นคงนี้ กายมนุษย์ละเอียดนั่นแหละเขารักษาดวงธรรมไว้ไม่ให้เป็นอันตราย นั่นแน่ น่าเลื่อมใสเขาอย่างนี้ เขาทำให้เราเป็นอยู่โดยสะดวกสบาย นี่ชั้นหนึ่ง ถ้าเข้าไปชั้นที่ ๒ พูดถึงกายมนุษย์ละเอียด นั่นก็ต้องอาศัยกายทิพย์เข้าไปรักษาดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ละเอียดไว้ ให้กายมนุษย์ละเอียดอยู่เป็นสุขสำราญ เบิกบานใจไป ว่านี่กายมนุษย์ละเอียด น่าเลื่อมใส | |||
08 Jan 2023 | ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา | 00:02:32 | |
เข้าถึงกายพระอรหัต หน้าตัก ๒๐ วา สูง ๒๐ วา เกตุดอกบัวตูมใสหนักขึ้นไป ทำอย่างนี้ในกายพระอรหัต ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึงกายพระอรหัตละเอียด เสร็จกิจในพุทธศาสนาแค่นี้ นี่แหละหลักพระพุทธศาสนา จำเป็นตำรับตำราไว้ อย่าดูหมิ่นดูแคลนหนา พระพุทธเจ้าไม่เกิดขึ้นในโลกละก็ ธรรมอันนี้ไม่มีใครแสดง ไม่มีใครบอก ไม่มีใครเล่าให้ฟัง ถึงกระนั้นที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ดับเสียเกือบ ๒,๐๐๐ ปี มาเกิดขึ้นที่วัดปากน้ำนี้แล้ว อุตส่าห์พยายามทำกันไป อย่าได้ดูหมิ่นดูแคลนหนา อย่าได้เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อยแก่ยาก แก่ลำบาก แต่เล็กๆ น้อยๆ เมื่อมาประสบพบพุทธศาสนา พบของจริงละ เข้าถึงของจริงให้ได้ เอาของจริงใส่กับตัวไว้ให้ได้ ติดกับตัวไว้ให้ได้ อย่าดูถูกดูหมิ่นหนา ตั้งให้มั่นแท้แน่นอนในใจของตัวแล้วละก็ ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์พบพุทธศาสนา ทั้งภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา | |||
19 Feb 2021 | รัตนตรัยเป็นแก้วจริงๆ (กัณฑ์๓ ตอน๓) | 00:05:26 | |
กัณฑ์ที่ ๓ รตนัตยคมนปณามคาถา ว่าด้วยความนอบน้อมในพระรัตนตรัย | |||
07 Dec 2020 | อธิบาย วิชชาจรณสัมปันโน (กัณฑ์๑ ตอน ๘/๒๗) | 00:05:51 | |
พระธรรมเทศนา พระมงคลเทพมุนี หลวงปู่วัดปากน้ำ กัณฑ์ที่ ๑ เรื่อง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ตอน ๘-๒๗ อธิบาย วิชชาจรณสัมปันโน | |||
03 Feb 2024 | เข้าปฐมฌาณเสีย กามทำอะไรเราไม่ได้ | 00:04:02 | |
ติดอยู่กับกาม เหมือนกับนั่งอยู่ในกองไฟ หรือนั่งอยู่ในกลางแดดจัด ทนไม่ค่อยไหว ไม่สบาย เขาเล่าเรื่องว่า มหากษัตริย์องค์หนึ่ง ได้บรรลุปฐมฌานแล้ว สละราชสมบัติให้ ราชโอรสปกครองไป ตัวไปเป็นฤาษี ชีไพรเสียภายนอกนั่น | |||
02 Apr 2020 | รวมอยู่ในกาม | 00:03:44 | |
สัตว์โลกจะเป็นหญิงก็ดีชายก็ดี ในกามภพนี้ รวมอยู่ในกามทั้งนั้น กามบังคับป่นปี้ทั้งหญิงทั้งชาย กิเลส กามวัตถุกามบังคับป่นปี้ทีเดียว ให้ติดอยู่ในกิเลสกามบ้าง วัตถุกามบ้าง ร้องไห้ร้องครางไปต่างๆ นานา รบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน เพราะกิเลสพัสดุกามเหล่านี้แลหมกอยู่ในกามนี้ | |||
14 Apr 2020 | เงินทองข้าวของมาหาเอง | 00:01:43 | |
นี่เรื่องพระพุทธศาสนานั้นเป็นอย่างนี้ ไม่ต้องไปหาเงินทองข้าวของ เมื่อประพฤติถูกส่วนเข้าแล้ว เงินทองข้าวของมันมาหาเอง ข้าวปลาอาหารมาหาเองทั้งนั้น จะไปอยู่ในป่าในดอนในดงที่ไหนก็ไป แต่เงินทองข้าวของมาหาเองทั้งนั้น นี่ทางพระพุทธศาสนา แต่ว่าเดินลึก สงเคราะห์ อนุเคราะห์มหาชน อนุชนทั้งหลายให้รู้ธรรมกายจริง ๆ จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "รัตนะ" | |||
23 Oct 2020 | การเข้าถึงพระรัตนตรัย | 00:03:44 | |
ธรรมกาย มี สีใสเหมือนแก้วจริงๆ จึงได้ชื่อว่า พุทธรัตนะ ธรรมทั้งหลายที่กลั่นออกจากหัวใจของธรรมกาย จึงได้ชื่อว่า ธรรมรัตนะ ธรรมรัตนะ คือ หัวใจธรรมกายนั้นเอง ดวงจิตของธรรมกายนั้นได้ชื่อว่าสังฆรัตนะ นี่แหละที่ว่า พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะสังฆรัตนะทั้ง ๓ ประการนี้เกี่ยวเนื่องเป็นอันเดียวนั้น เกี่ยวกัน อย่างนี้จะพรากจากกันไม่ได้ ผู้ใดเข้าถึงพุทธรัตนะ ก็ได้ชื่อว่าเข้าถึงธรรมรัตนะ สังฆรัตนะด้วย การเข้าถึงรัตนะ ๓ ดังกล่าวมานี้ จะเข้าถึงได้อย่างไร เพียงแต่เลื่อมใสนับถือ ยังไม่เรียกว่าเข้าถึง แม้จะท่องบ่นน้อมใจระลึกถึง ก็ยังไม่เรียกว่าเข้าถึง แม้จะปฏิญาณตนว่ายอมเป็นข้า ก็ยังไม่เรียกว่าเข้าถึง อย่างมากจะเรียกได้ก็เพียงขอถึง การเข้าถึงนั้น จำเป็นจะต้องบำเพ็ญเพียรปฏิบัติเจริญรอยตามปฏิปทา ของพระบรมศาสดาจนบรรลุกายธรรม คือรู้จริงเห็นแจ้งด้วยตัวของตัวเอง จึงจะได้ชื่อว่าเข้าถึงพระรัตนตรัยโดยแท้ และการปฏิบัติเช่นนี้ไม่เป็นการพ้นวิสัยของมนุษย์ | |||
25 May 2020 | ฉากหลัง | 00:03:37 | |
ผู้เทศน์นี่ตรวจเข้าไปฉากหลังนี่แหละ ๒๕ ปี ยังไม่เต็มดี ในการตรวจฉากหลังนั้น ยังไม่เต็มเดือนเต็มวันดี ยังไม่หมดฉากหลังนี้ ยังไม่สุดฉาหกหลังนี่ ยังไม่สุดภาคหล่อเลี้ยงเหล่านี้ ยังไม่สุดฉากหลัง ยังไม่สุด ยังไม่สุด ผู้เทศน์ก็ยังเป็นบ่าวเขาอยู่ ยังเป็นบ่าวเป็นทาสเข้าอยู่ ยังเอาตัวรอดไม่ได้ เพราะอะไร? ไปยังไม่สุดฉากหลัง เขายังปกครองเราอยู่ นี้ไปต้องไปให้สุด เมื่อไปสุดแล้วเราจะเห็นฉากหลังในฉากหลังเข้าไปอีก เมื่อไปสุดแล้วเราจะพบฉากหลังในฉากหลังเข้าไปอีก ฉากหลังในฉากหลังนี้จะมีอีกเท่าไหร่ยังไม่รู้ได้ มีเห็นมีหาย.... | |||
15 Feb 2023 | ผู้ละมุนละไม | 00:02:18 | |
มุทุ เป็นผู้อ่อนละมุนละไม ไม่ใช่อ่อนโยเย อ่อนโยเยไปเสียก็ใช้ไม่ได้ อ่อนละมุนละไม อ่อนใช้ได้ดีตามความปรารถนาของผู้ฝึกหัด จะดัดแปลงแก้ไขอย่างหนึ่งอย่างใดก็อ่อนละมุนละไมทุกสิ่งทุกประการ เหมือนอย่างคนแก่ หุงข้าวอ่อนละมุนละไมละก็คนแก่ยิ้มเชียว ถ้าหุงข้าวแข็งกระด้างละ คนแก่หน้าเบ้เชียว ไม่สบายใจ ครูดใจสะดุดใจนัก ถ้าว่าละมุนละไมละก็คนแก่ชอบใจ นี้อาการที่อ่อนละมุนละไม เป็นภิกษุ หรือสามเณร อยู่กับครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ก็เย็นอกเย็นใจ เหมือนคนแก่ได้พบข้าวอ่อนละมุนละไมเข้าใจเย็นใจสบาย แม้ลูกหญิงลูกชายจะอยู่กับมารดาบิดา ถ้าอ่อนละมุนละไม มารดาเย็นอกเย็นใจ ไม่เดือดร้อนด้วยประการต่าง ๆ นานา นี้ มุทุ เป็นผู้อ่อนละมุนละไม | |||
25 Nov 2020 | สัมมาสัมพุทโธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ (กัณฑ์๑ ตอน ๓/๒๗) | 00:08:28 | |
พระธรรมเทศนา พระมงคลเทพมุนี หลวงปู่วัดปากน้ำ เรื่อง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ กัณฑ์ที่ ๑ ตอน ๓-๒๗ สัมมาสัมพุทโธ | |||
01 Dec 2021 | 📚 รวม กัณฑ์ที่ ๑๔ เขมาเขมสรณาคมน์ | 00:53:35 | |
จากโอวาทพระมงคลเทพมุนี กัณฑ์ที่ ๑๔ เขมาเขมสรณาคมน์ | |||
07 Dec 2022 | หลักการปกครองคน | 00:05:01 | |
สีลํ รกฺขติ หากว่ามีคนมากเช่นนี้ คือตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป เราต้องรักษาศีล ต้องบริสุทธิ์กาย บริสุทธิ์วาจา และบริสุทธิ์ใจ ไม่มีร่องรอยเสียกระทบกระเทือนใจกัน กายจะให้เดือดร้อนตนเองและคนอื่นก็ไม่มี วาจาจะให้เดือดร้อนตนเองและคนอื่นก็ไม่มี จะอยู่ด้วยกันมากน้อยเพียงใดก็ตาม ไม่สบายใจเหมือนกับอยู่คนเดียว ดังนั้น จึงไม่ควรเบียดเบียน ไม่กระทบกระเทียบเปรียบเปรย ไม่อิจฉาริษยากันอย่างใดอย่างหนึ่ง มีศีลด้วยกันทั้งหมด ศีล ๕ คือ ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมฯ มุสาฯ สุราฯ ๕ สิกขาบทนี้ต้องบริสุทธิ์จริงๆ คือไม่เบียดเบียนกันให้เดือดร้อนด้วยการฆ่า ไม่ลักขโมย ฉ้อโกงหลอกลวงกันให้เดือดร้อน ไม่ประพฤติผิดในลูกภรรยาของคนอื่นเขา ถ้าประพฤติผิดเข้าก็เดือดร้อน ถ้าไม่พูดปดกันก็ไม่เดือดร้อน ถ้าพูดปดเข้าก็เดือดร้อน ไปเสพสุราเข้า คนดีๆ ก็กลายเป็นคนบ้า พูดจาอ้อแอ้ไม่เป็นเรื่อง หรือคนดีๆ ก็กลายเป็นคนครึ่งบ้า ครึ่งบอไป ถ้าว่าเต็มที่เข้า ก็อาจกลายเป็นบ้าบอไปเลย ถ้าว่าเมื่อใดฤทธิ์สุราหมดไปแล้ว นั่นแหละ จึงจะพูดจากันรู้เรื่อง กลับเป็นคนดีได้ตามปรกติ นี่เพราะฤทธิ์สุราทำให้เป็นไปอย่างนั้น ควรระวังให้ดี อย่าให้เหตุเหล่านี้เข้าครอบงำได้ ตนเองจึงจะเป็นสุขกายสุขใจ มีคนมากมายเท่าไรก็เป็นสุข ไม่ต้องเดือดร้อนเลย แต่เป็นสุขอย่างธรรมดาเท่านั้น ถ้าจะให้เป็นสุขและฉลาดยิ่งขึ้นไปต้องเจริญภาวนา ภาวนํ ภาเวติ ทำให้จริง ให้หยุดให้นิ่ง ทำให้มีให้เป็นขึ้น กี่ร้อยกี่พันคนก็นอนหลับสบาย กี่คนๆ ก็สงบนิ่ง เมื่อสงบนิ่งแล้ว มีคนสักเท่าไรก็ไม่รกหูรกตา ไม่รำคาญไม่เดือดร้อน เป็นสุขสำราญเบิกบานใจเป็นนิจ นี่เขาเรียกว่าภาวนา ทำให้ใจหยุดสงบ หยุดสงบแล้วไม่ใช่แต่เท่านั้น หยุดอยู่สงบหาเรื่องทำ จะได้ทรัพย์สมบัติ มาเลี้ยงกันอีก ให้พวกเขาอยู่เป็นสุขสำราญ สมบูรณ์ด้วยเครื่องกินเครื่องใช้ไม่ขาดตก บกพร่อง จะให้เป็นคนสมบูรณ์อยู่เสมอ ก็ต้องใช้วิชาวิปัสสนาภาวนา ต้องเฉลียวฉลาด ให้อาหาร หาปัญญาแก้ไขให้ทานในวันต่อไป ไม่ให้หมดให้สิ้นไป เมื่อให้ทานไม่หมด ไม่สิ้นไปเช่นนี้ พวกพ้องก็มากขึ้นเป็นลำดับ มีร้อยก็เพิ่มเป็น ๒๐๐ ๓๐๐ ๔๐๐ ๕๐๐ ๖๐๐ จนกระทั่งพันหนึ่ง ๒,๐๐๐ ๓,๐๐๐ เป็นลำดับไป การให้นี่แหละเป็นตัวสำคัญ เมื่อมีพวกพ้องมากขึ้นแล้ว ก็ให้รักษาศีล ให้บริสุทธิ์กาย บริสุทธิ์วาจา บริสุทธิ์ใจ และ เจริญภาวนา ทำภาวนาให้เจริญขึ้นทุกคน เมื่อพวกเขาเจริญภาวนาแล้ว ภาวนานั่นแหละจะช่วยเขาได้ทุกสิ่งทุกประการ | |||
02 Jun 2021 | จิตดวงที่ ๓ และ ๔ (กัณฑ์๘ ตอน๕) | 00:04:55 | |
กัณฑ์ที่ ๘ พระปรมัตถ์ อภิธรรมกถา ว่าด้วย จิตทั้ง ๑๒ ดวงเหตุแห่งอกุศล | |||
31 Dec 2021 | อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา | 00:04:31 | |
อธิศีล เป็นอย่างไร? อยู่ที่ไหน? | |||
01 Mar 2021 | การเข้าถึงพระถึงพระรัตนตรัยที่ถูกแท้ (กัณฑ์๓ ตอน๗) | 00:03:28 | |
กัณฑ์ที่ ๓ รตนัตยคมนปณามคาถา ว่าด้วยความนอบน้อมในพระรัตนตรัย | |||
22 Jul 2020 | สละอารมณ์ | 00:02:07 | |
วิสุทธิวาจา 3 - ตอนที่ 35 | |||
07 Oct 2020 | หยุดจึงจะเร็ว | 00:01:34 | |
เมื่อจะไปต้องหยุด นี่ก็แปลกทางโลกเขาไปต้องเร็วเข้า ขึ้นเรือบินเรือยนต์รถยนต์ไป จึงจะเร็วจึงจะถึง แต่ทางธรรมไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อจะไปต้องหยุด ถ้าหยุดจึงจะเร็วจึงจะถึง นั่นแปลกอย่างนี้ ต้องเอาใจหยุดจึงจะเร็วจึงจะถึง นี่แปลกอย่างนี้ ต้องเอาใจหยุดจึงจะเร็วจึงจะถึง จากพระธรรมเทศนาเรื่อง | |||
02 Dec 2020 | อธิบาย วิชชาจรณสัมปันโน (กัณฑ์๑ ตอน ๖/๒๗) | 00:08:48 | |
พระธรรมเทศนา พระมงคลเทพมุนี หลวงปู่วัดปากน้ำ เรื่อง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ กัณฑ์๑ ตอน ๖-๒๗ วิชชาจรณสัมปันโน | |||
18 Jun 2021 | สิ่งใดเรียกเบญจขันธ์ (กัณฑ์๙ ตอน ๒) | 00:02:54 | |
ภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกานี้แหละ มีอยู่ ๕ เท่านั้นแหละ รูป ๑ นาม ๔ รูป ๑ ก็คือ มหาภูตรูป ทั้ง ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่ประชุมเป็นร่างกายนี้ นี่เรียกว่ารูปขันธ์ เวทนาก็เวทนา ความรับอารมณ์ ความรู้อารมณ์ เวทนาแปลว่า ความรู้อารมณ์ หรือรู้อารมณ์ หรือรับอารมณ์ ทุกข์ สุข ไม่สุขไม่ทุกข์ ดีใจ เสียใจ เสื่อมยศ เรียกว่า เวทนา สัญญา ตาจำรูป จำเสียง จำกลิ่น จำรส จำสัมผัส ที่เราจำหมด ทุกคน นี่แหละเรียกว่าสัญญา สังขาร ความคิดดี คิดชั่ว คิดไม่ดีคิดไม่ชั่ว วิญญาณ ความรู้แจ้งทางทวารทั้ง ๖ รู้แจ้งทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ๕ ประการนี้เรียกว่า เบญจขันธ์ | |||
22 Dec 2021 | สิ่งใดเรียกความประมาท | 00:03:22 | |
ความประมาทน่ะ คือ เผลอไป | |||
27 Sep 2021 | ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม (กัณฑ์๑๒ ตอน๑) | 00:05:51 | |
ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ ธรรมนั้นแลย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม | |||
13 Aug 2020 | บุญช่วย | 00:06:17 | |
บุญช่วย | |||
17 Nov 2022 | อินทกะ และอังกุระเทพบุตร | 00:04:25 | |
ทานในพระสูตร ๑๐ ทานในพระวินัย ๔ ทานในพระปรมัตถ์ ๖ และทานในทักขิณาวิภังคสูตรเป็นทานอันยอดเยี่ยม จะหาทานในที่ไหนๆ เปรียบเทียบไม่ได้ ถ้าว่าเรามาประสบพบพระพุทธศาสนาได้บริจาคทานในพระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์ และทานในทักขิณาวิภังคสูตร ดังได้แสดงมานี้ ย่อมได้รับผลสมบัติอันยิ่งใหญ่ไพศาลสุดจะนับจะประมาณได้ทีเดียว ครั้งพุทธกาล นายอินทกะ ชาวนาได้ถวายทานแก่พระอนุรุทธเถระ ด้วยอาหารเพียงอิ่มเดียว ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีหมู่นางเทพอัปสรแวดล้อม เสวยวิบากสมบัติยิ่งใหญ่ไพศาล ส่วนอังกุระเทพบุตรเมื่อเป็นมนุษย์ชื่อว่าอังกุระ เป็นมหาเศรษฐีได้บริจาคทานในมนุษย์โลกเป็นเวลานานหลายชั่วตระกูล บริจาคทานในมนุษย์โลกนี้ถึง ๒๐,๐๐๐ ปี หมดทรัพย์สมบัติไปจะนับจะประมาณหาได้ไม่ ๒๐,๐๐๐ ปีมนุษย์โลกปราศจากการไถ การหว่าน ก่อระเบียบเตาไฟ ยาว ๑๒ โยชน์ ระยะหนทางเดิน ๕ วัน ก่อเตาใหญ่ ๆ ติดกันเป็นแถวไป เรือบรรทุกข้าวสารมาใส่ข้าวในกระทะขึ้นมาทางหลังเตานั้น ทางน้ำข้าวที่เทไหลไปนั้น เป็นทางเรือเดินได้ เขาได้บริจาคทานอยู่ในมนุษย์โลกนี้ ๒๐,๐๐๐ ปี ครั้นตายจากมนุษย์โลกแล้ว ได้ไปเกิดในดาวดึงส์เทวโลก แต่สมบัติของอังกุระเทพบุตรสู้ของอินทกเทพบุตรไม่ได้ สมบัติของอินทกเทพบุตรยิ่งใหญ่ไพศาลกว่า เพราะอินทกเทพบุตร เมื่อเป็นชาวนา ได้ถวายทานแก่พระภิกษุในพระพุทธศาสนา ส่วนอังกุระเทพบุตร ได้ถวายทานนอกพระพุทธศาสนา คนผู้มีศีลในทานของตนไม่ได้มีแม้แต่เพียงคนเดียว วิบากสมบัติจึงสู้ของอินทกเทพบุตรไม่ได้ เห็นปานฉะนี้ วันนี้เจ้าภาพได้บริจาคทานในพระพุทธศาสนา มีทักขิไณยบุคคลผู้มีธรรมกายถึง ๑๕๐ เศษ ผลทานนี้ย่อมให้วิบากสมบัติอันยิ่งใหญ่ไพศาล เป็นอเนกอนันต์หาประมาณมิได้ เมื่อเราได้ประสบพบพระพุทธศาสนาเช่นนี้แล้ว ก็เป็นบุญใหญ่ลาภใหญ่ และเมื่อได้มาบริจาคทานสมเจตนาอย่างนี้แล้ว จะเป็นคนอนาถายากแค้นต่อไปในภพหน้านั้น เป็นอันไม่ต้องหวัง แต่ถ้าบุญวาสนาที่อบรมสั่งสมไว้ดี ได้พบพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งเข้า ก็จะได้เป็นศาสนูปถัมภ์ของพระบรมศาสดา พระองค์ก็จะได้ทรงโปรดให้ได้สำเร็จมรรคผลสมความปรารถนา | |||
22 Feb 2024 | ดังของที่ยืมเขามา ในไม่ช้าต้องคืนเขาไป | 00:02:31 | |
สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดเสมอ ดับไปเสมอ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา มีความดับไปเป็นธรรมดา สิ่งทั้งปวงนั้นดับไป สพฺพนฺต นิโรธธมฺมํ ดับไป ถ้าย่นลงไปแล้วก็มีเกิดดับ นี่ตรงกับ อุปฺปชฺชนฺติ นิรุชฺฌนฺติ เกิดดับอยู่อย่างนี้ เมื่อเกิดดับดังนี้แล้ว เอวํ หุตฺวา อภาวโต เอเต ธมฺมา อนิจฺจาถ ตาวกาลิกตาทิโต เมื่อเป็นอย่างนี้ความเกิดและดับ ความดับ หุตฺวา อภาวโต เอเต ธมฺมาร อนิจฺจาถ รูปธรรมนามธรรมเหล่านั้น ไม่เที่ยง เพราะความเกิดขึ้นแล้ว เพราะความมีแล้วหามีไม่ รูปธรรมนามธรรมเหล่านั้น ไม่เที่ยง เพราะความมีแล้วหามีไม่ เพราะความเป็นเหมือนดังของขอยืม เหมือนเราท่านทั้งหลายบัดนี้ มีเกิดมีดับเรื่อยไป รูปธรรมนามธรรมที่ได้มานี้ มีแล้วหามีไม่ เพราะความเป็นดังของขอยืมเหมือนกันทุกคนต้องขอยืมทั้งนั้น ผู้เทศน์นี่ก็ต้องคืนให้เขา เราๆ ทุกคนก็ต้องคืนทั้งนั้น ขอยืมเขามาใช้ ไม่ใช่ของตัวเลย ความเป็นจริงเป็นอย่างนี้ | |||
13 Jan 2021 | สุปฏิปันโน (กัณฑ์๑ ตอน ๒๑/๒๗) | 00:08:17 | |
พระธรรมเทศนา พระมงคลเทพมุนี หลวงปู่วัดปากน้ำ กัณฑ์ที่ ๑ เรื่อง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ตอน ๒๑-๒๗ อธิบาย "สุปฏิปันโน เปฯ" | |||
28 Aug 2023 | 📚 กัณฑ์ที่ ๔๒ ติลักขณาทิคาถา ว่าด้วย เครื่องดึงดูดสัตว์ทั้งหลายไปอยู่ในภพต่างๆ | 00:42:36 | |
ณ บัดนี้ อาตมภาพจะได้แสดงในปกิณกเทศนาตามลำดับ ในสัปดาห์ก่อนมาที่แสดงไปแล้ว วันนี้จะเริ่มต้นในบัณฑิตชนละธรรมดำเสีย ยังธรรมขาวให้เจริญขึ้น อนุสนธิต่อสัปดาห์ก่อนมา เมื่อละธรรมดำเสียแล้วจะยังธรรมขาวให้เจริญขึ้น ธรรมขาวเป็นธรรมสำคัญ ธรรมดำเป็นธรรมฝ่ายของพญามารแท้ ๆ ไม่ใช่ของพระ ของพระเป็นฝ่ายธรรมขาวแท้ ๆ ไม่ใช่ธรรมดำ ตรงกันข้ามดังนี้ แต่ว่าผู้ประพฤติปฏิบัติในพระธรรมวินัยของพระศาสดา ทั้งภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกา ไม่รู้จักชัดว่าปฏิบัติดังนี้เป็นธรรมดำ ปฏิบัติดังนี้เป็นธรรมขาว ไม่รู้ชัด จะรู้จักชัด ต้องขัดกาย วาจา ใจ ออกไปเป็นขั้น ๆ ทุจริยกาย วาจา จิต นั่นเป็นธรรมดำ สุจริตด้วยกาย วาจา จิต นั่นเป็นธรรมขาว ทำใจให้ผ่องใสนั่นเป็นธรรมขาว ถ้าใจมืดมัวขุ่นหมองนั่นเป็นธรรมดำ นี่เป็นธรรมดำ ธรรมขาวมีลักษณะอย่างนี้ ชั่วเป็นฝ่ายดำทั้งนั้น ดีเป็นฝ่ายขาว ทีนี้ฝ่ายธรรมดำ ใจมนุษย์มี อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ นี่ฝ่ายธรรมดำ กายมนุษย์ ตลอดกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ มีธรรมดำ โลภะ โทสะ โมหะ ตลอดกายทิพย์ละเอียดนี่เป็นฝ่ายธรรมดำ กายรูปพรหมทั้งหยาบทั้งละเอียดมี ราคะ โทสะ โมหะ นี้เป็นฝ่ายธรรมดำ ตลอดจนรูปพรหมละเอียด กายอรูปพรหมมีกามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย อวิชชานุสัย ทั้งหยาบทั้งละเอียด นี้เป็นฝ่ายธรรมดำ ฝ่ายธรรมขาว ให้ทาน เมตตา สัมมาทิฏฐิ นี่กายมนุษย์ทั้งหยาบทั้งละเอียด กายทิพย์ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ไม่โลภตั้งอยู่ในความให้ ไม่โลกอยากได้ของเขา ให้ของตนแก่เขา ไม่โกรธตั้งอยู่ในเมตตา ไม่หลงตั้งอยู่ในความเห็นชอบ นี่เป็นฝ่ายธรรมขาว ไม่กำหนัด ไม่ขัดเคือง ไม่หลงงมงาย ไม่กำหนัดคือคลายกำหนัดเสียแล้ว ไม่มีกำหนัด ไม่ขัดเคืองมีความเมตตา เป็นปุเรจาริก ไม่หลง รู้แจ้งเห็นจริงดังนี้ นี้เป็นธรรมฝ่ายขาว กายรูปพรหม ปฐมมรรค มรรคจิต มรรคปัญญา นี้เป็นธรรมฝ่ายขาว ไม่ใช่ฝ่ายดำ ให้รู้จักคลองธรรมดังนี้ นี่คลองธรรมดังนี้นัยหนึ่ง อีกนัยหนึ่ง คลองธรรมที่เป็นธรรมดำธรรมขาวน่ะ นี่ลึกซึ้งสว่างไสว ปฏิบัติลงไปแล้ว เห็นดวงใสดุจกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า เห็นดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน เห็นดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ เห็นกายมนุษย์ละเอียด กายมนุษย์ละเอียดก็สว่างไสว เห็นดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ เห็นกายทิพย์ กายทิพย์ก็สว่างไสว เห็นดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ เห็นชัดทีเดียว เห็นชัดดังนั้น นี้เป็นธรรมขาว ถ้าเห็นกายทิพย์ละเอียด กายทิพย์ละเอียดก็เห็นดุจเดียวกัน เข้าถึงกายรูปพรหม กายรูปพรหมก็เห็นดุจเดียวกัน เข้าถึงกายรูปพรหมละเอียด กายรูปพรหมละเอียดก็เห็นดุจเดียวกัน เข้าถึงกายอรูปพรหม ๆ ก็เห็นดุจเดียวกัน เข้าถึงกายอรูปพรหมละเอียด ๆ ก็เห็นดุจเดียวกัน เข้าถึงกายธรรม ๆ ก็เห็นดุจเดียวกัน เข้าถึงกายธรรมละเอียด กายธรรมโสดา กายธรรมโสดาละเอียด กายสกทาคา กายสกทาคาละเอียด กายธรรมอนาคา กายธรรมอนาคาละเอียด กายธรรมพระอรหัตต์ กายธรรมพระอรหัตต์ละเอียด เป็นลำดับขึ้นไปดังนี้ นี่เรียกว่าซีกธรรมขาว ไม่ใช่ซีกธรรมดำ ถ้าไม่เห็นดังนี้ อยู่ในซีกธรรมดำ เป็นธรรมของพญามาร เป็นบ่าวของพญามารไป เป็นทาสของพญามารไป เขาบังคับใช้สอยเหมือนเด็ก ๆ เล็ก ๆ เหมือนทาสกรรมกรไปอยู่ในกำมือของมาร นี้ให้รู้จักหลักฐานธรรมดำธรรมขาวดังนี้ | |||
13 Oct 2021 | รักษาของจริงไว้ให้ได้ | 00:05:13 | |
นี่เรื่องนี้สำคัญเพราะเหตุนั้น การปฏิบัติศาสนาหรือนับถือศาสนา ถ้า | |||
22 Jan 2021 | เพียรเถิดจะเกิดผล (กัณฑ์๑ ตอน ๒๕/๒๗) | 00:01:34 | |
พระธรรมเทศนา พระมงคลเทพมุนี หลวงปู่วัดปากน้ำ กัณฑ์ที่ ๑ เรื่อง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ตอน ๒๔-๒๗ อธิบาย " เพียรเถิดจะเกิดผล" | |||
23 Jul 2021 | วิธีถอดเบญจขันธ์ (กัณฑ์ที่ ๑๐ ตอน ๘) | 00:16:59 | |
จากโอวาทพระมงคลเทพมุนี กัณฑ์ที่ ๑๐ เรื่อง ขันธ์ ๕ เป็นภาระอันหนัก เบญจขันธ์ทั้ง ๕ ขันธ์ ๕ ของมนุษย์ ขันธ์ ๕ ของกายมนุษย์ละเอียด เมื่อเข้าถึงกายทิพย์ กายทิพย์ละเอียดแล้วก็หลุด ขันธ์ ๕ ของกายทิพย์ กายทิพย์ละเอียด เมื่อเข้าถึงกายรูปพรหม รูปพรหมละเอียดก็หลุด ขันธ์ ๕ ของกายรูปพรหม รูปพรหมละเอียด เข้าถึงอรูปพรหม อรูป พรหมละเอียด ก็หลุดหลุด หมดหลุดเป็นชั้น ๆ ไป ขันธ์ ๕ ของกายอรูปพรหม อรูปพรหมละเอียด ถึงกายธรรมเสียแล้ว ก็หลุด ถึงกายธรรมพระโสดา ขันธ์ ๕ ของกายธรรมโคตรภูหยาบ โคตรภูละเอียด หลุด เข้าถึงกายธรรมพระสกทาคาแล้ว กายธรรมของโสดาหยาบ โสดาละเอียด หลุด เข้าถึงกายธรรมของพระอนาคาหยาบ อนาคาละเอียดแล้ว กายธรรมของพระสกทาคาหยาบ สกทาคาละเอียด หลุดออกไป เช่นนี้ เป็นชั้น ๆ เช่นนี้ เรียกว่ารู้จักสำรวม ถูกส่วนเข้าแล้ว หลุดเป็นชั้น ๆ ไปดังนี้ เมื่อหลุดออกไปได้แล้ว เห็นว่าหลุดจริง ๆ ไม่ใช่หลุดเล่น ๆ ถ้าว่าโดย ย่อแล้วละก็ พอถึงกายธรรมหยาบละเอียดเท่านั้น ไปนิพพานได้แล้ว แต่ว่าหลุด ดังนี้เป็น ตทังควิมุตติ ประเดี๋ยวก็กลับมาอีก พอหลุดแค่พระโสดา นั่นเป็นโลกุตตร ข้ามขึ้นจากโลกได้แล้ว เป็น อริยบุคคลแล้ว แต่ว่าไม่พ้นจากไตรวัฏฏ์ไป ต้องอาศัยไตรวัฏฏ์ เพราะยังไปนิพพานไม่ได้ ต้องอาศัยกามภพ รูปภพอยู่ แต่ว่าอาศัยอยู่แต่เปลือกนอก ข้างในล่อน จากเปลือกนอกเสียแล้ว อย่างนั้นก็พอใช้ได้ แต่ว่ายังไม่ถึงที่สุด ต้องถึงที่สุด คือ พระอรหัตผล นั่นแหละ จึงจะพ้นเด็ดขาดเป็นวิราคธาตุ วิราคธรรมจริง ๆ หลุดได้จริง ๆ เช่นนี้ อย่างนี้เอาตัวรอดได้ เมื่อรู้จักหลักความหลุดพ้นเช่นนี้แล้วก็ตั้งใจให้แน่วแน่ ต้องมีความ สำรวมเบื้องต้นที่ท่านได้ชี้แจงแสดงไว้ในอารมณ์ที่ไม่งาม แล้วสำรวมระวังให้ดี รู้จักประมาณในการบริโภคอาหาร มีความเพียร มีศรัทธา กล้าหาญ ไม่ย่อท้อ นั่นแหละคงจะไปถึงที่สุดได้ ทว่าย่อท้อเสียแล้วถึงที่สุดไม่ได้ง่าย ให้เข้าใจหลักอันนี้ หลักที่แสดงแล้ว ที่แสดงในทางขันธ์ ๕ เป็นของหนักแล้ว คิดสละ ขันธ์ ๕ นั่นได้ด้วยความสำรวมระวัง นี้เป็นทางปริยัติ เป็นลำดับไป จนเข้าถึงถอดกายเป็นชั้น ๆ ออกไปแล้ว จนกระทั่งถึงพระอรหัตถึงวิราคธาตุวิราคธรรมกายพระอรหัตหยาบ พระอรหัตละเอียดนั้น ในแนวนั้นเป็นทางปฏิบัติปฏิเวธ ก็เป็นชั้น ๆ เคยแสดงแล้ว | |||
16 Apr 2020 | ดูหมิ่น | 00:03:59 | |
ดูหมิ่นเป็นอย่างไร? คำดูหมิ่นนะเขาเรียกว่าสู้ไม่ได้ พูดเอาตามชอบใจ ว่าเอาตามชอบใจ ไม่ไพเราะ พูดอย่างกับ หยาบช้ากล้าแข็งอย่างกักขฬะ บ้างด่าว่าเขาต่างๆชอบอกชอบใจ เหล่านี้เรียกว่าดูเหมือนเขาอยู่แล้ว ถึงเขาจนก็ดูหมิ่น พูดไม่เคารพคารวะในกันและกัน พูดใช้เสียงกระด้างไม่น่าฟัง ถอยคำเหล่านั้น ตวาดขู่ด้วยประการต่างๆเหล่านี้ดูหมิ่นเขา อ้ายลักษณะดูหมิ่นเป็นข้อสำคัญนัก เขาจึงได้ยืนยันไว้ว่า เรือนย่อที่จะทำลายลงด้วยไฟไหม้น่ะ เพราะไม่แต่เดือนย่อยขึ้นไป กระต๊อบกระท่อมที่ปลูกอยู่ข้างๆเรือนยอดนั่นแหละ ไม่เรือนเล็กๆขึ้นก่อน แล้วก็ไปไม่เรือนยอดนั่นฉันใดก็ดี แง่นี้แหละความร้อนเกิดจากชั้นน้อยขึ้นมาไม่เรือนยอดได้ | |||
23 Jul 2023 | สำรวมระวังในการบริโภค | 00:07:23 | |
โภชนมฺหิ อมตฺตญฺญุง ไม่รู้จักโภชนาหาร ไม่รู้จักบริโภคโภชนาหาร ถึงกับเป็นหนี้เป็นข้าเป็นบ่าวเขาเชียวหนา ไม่รู้จักบริโภคในโภชนาหารนะ คือไม่รู้จักประมาณใช้สอย หาเงินเท่าไรก็ใช้ไม่พอ หาเงินเท่าไรก็หมด ใช้ไม่รู้จักประมาณ บริโภคก็ไม่รู้จักประมาณ ไม่รู้จักประมาณในวันนี้ พรุ่งนี้ต่อไป ไม่รู้จักประมาณ ต้องกู้หนี้ยืมสินเขาบริโภคใช้สอยไป นี่เพราะไม่รู้จักประมาณในการใช้สอยในการบริโภค นี่ก็ร้ายกาจนัก หรือบริโภคเข้าไปแล้ว ไฟธาตุย่อยอาหารไม่สำเร็จ เกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้น ถึงแก่เป็นอันตรายแก่ชีวิตทีเดียว นี่ต้องคอยระแวดระวัง โภชนาหารต้องระวังมากทีเดียว ถ้าระวังไม่มาก ก็ให้โทษแก่ตัวไม่ใช่น้อย เรื่องนี้ครั้งพุทธกาลก็ดี หลังพุทธกาลก็ดี ขันแข่งกันนัก แข่งขันกันนักในเรื่องรู้จักประมาณในการบริโภค บางท่านตวง เอาเครื่องตวงมาตวงบ้าง เอาแล่งตวงบ้าง หรือไม่เช่นนั้นก็วัดกำหนดอาหารเท่านั้นเท่านี้บ้าง กำหนดด้วยข้าวสารบ้าง ด้วยข้าวสุกบ้าง บริโภคพอในเขตที่สำรวมของตนๆ ไม่ให้พ้นความสำรวมไปได้ ระวังอยู่ดังนี้ บางท่านเอาท้องเป็นประมาณ อุจฺฉิตปฺปมาณํ ประมาณท้องอิ่มแล้วเป็นหยุดทีเดียว ไม่ให้เกินอิ่มไป สักคำเดียวก็ไม่ให้เกิน หรือหย่อนอิ่มไว้สักคำ เผื่อน้ำไว้เล็กน้อยให้ท้องไม่อืด ให้ท้องไม่เฟ้อ ประสงค์ให้ธาตุย่อยง่ายๆ อย่างนี้เรียกว่ารู้จักสำรวม เช่นนี้แล้วก็รู้จักสำรวม ไม่สำรวมพอดีพอร้าย ของนี่เคยบริโภคไหม? เป็นประโยชน์แก่ร่างกายแค่ไหน? บริโภคเข้าไปแล้วเป็นประโยชน์แก่ร่างกายให้ความสุขแก่ร่างกายไหม ถ้าสิ่งใดให้ความสุขแก่ร่างกายก็รับสิ่งนั้น พออิ่มเท่านั้น สิ่งใดให้โทษทุกข์แก่ร่างกาย ก็ไม่รับสิ่งนั้นเด็ดขาด ห้ามสิ่งนั้นทีเดียว เพราะกลัวจะไปประทุษร้ายร่างกาย สิ่งใดที่ให้โทษร่างกายก็งดสิ่งนั้นเสีย สิ่งใดให้ประโยชน์แก่ร่างกาย ก็บริโภคสิ่งนั้น การบริโภคไม่ใช่บริโภคทั่วไป ไม่ใช่ดีเสมอไป แม้ชอบใจแล้ว ไปวันหลัง เดือนหลัง ปีหลัง ก็ชอบใจก็ได้ เป็นอย่างคนแก่ชอบมะระ เด็กๆ ไม่ชอบ บอกว่าขม คนแก่ชอบมะระขมนี่ เมื่อสะดวกแก่ร่างกายด้วยประการใดแล้ว ก็ให้สำรวมวิถี ให้รู้จักประมาณในการใช้นั้นให้สมควรแก่ร่างกายนั้นๆ ให้ได้รับความสุขพอสมควรแก่ร่างกายของตนๆ อันนี้แหละ ได้ชื่อว่ารู้จักประมาณในการใช้สอย ไม่ใช่ใช้สอยแต่อาหารอย่างเดียวนะ ผ้าสำหรับใช้สอยก็ต้องรู้จักกระเหม็ดกระแหม่ ต้องรู้จักเปลือง รู้จักเก่า รู้จักเสียหาย ถ้าไม่รู้จัก ก็จักเป็นหนี้ เป็นบ่าวเขาทีเดียวนะ เพราะเหตุว่าใช้ผ้านุ่งห่มไม่เป็น ไม่ใช่แต่ผ้านุ่งเท่านั้น ไม่ใช่ผ้านุ่งอาหารเลี้ยงท้องเท่านั้น อื่นอีกที่จะใช้สอยต่อไป เสนาสนะ ที่นั่ง นอน บ้านเรือนของตนด้วย เมื่อทรุดโทรมเข้าแล้ว ไม่ซ่อมแซม ปฏิสังขรณ์ หรือใช้ให้ทำลาย ของถูกน้ำ อย่าเอาน้ำไปราดไปทำเข้า ของนั้นก็ผุเสียหายไป ที่ผุเสียหาย ต้องแก้ทีเดียว ถ้าปล่อยให้ผุเสียหายเสียเงิน ต้องซ่อมแซมปฏิสังขรณ์อีก บ้านสำหรับอยู่พักอาศัย ก็ต้องดูแล และฉลาดในการใช้สอยบ้านช่องของตนนั้นๆ หยูกยารักษาไข้ก็เช่นเดียวกัน จะใช้ก็ใช้ในเวลาเป็นไข้ เมื่อไม่เป็นไข้แล้วไปใช้ยา ก็ลงโทษ เสียค่ายาเสียยาเปล่า ไม่รู้จักประโยชน์ นี่ไม่รู้จักประมาณทั้งนั้น พวกรู้จักประมาณและก็ใช้ถูกกาลถูกเวลาเสมอไป ในผ้าสำหรับนุ่งห่มและเครื่องเลี้ยงท้อง เสนาสนะบ้านช่องสำหรับพักอาศัย หยูกยาสำหรับรักษาไข้ ในปัจจัย ๔ สำรวมระวังเป็นอันดีอย่างชนิดนี้ ได้ชื่อว่าเป็นผู้สำรวม รู้จักใช้สอย รู้จักประมาณกาลควรหรือไม่ควร | |||
04 Dec 2020 | อธิบาย วิชชาจรณสัมปันโน (กัณฑ์๑ ตอน ๗/๒๗) | 00:11:46 | |
พระธรรมเทศนา พระมงคลเทพมุนี หลวงปู่วัดปากน้ำ เรื่อง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ กัณฑ์๑ ตอน ๗-๒๗ วิชชาจรณสัมปันโน | |||
16 Sep 2019 | แก้ว คือพระรัตนตรัย | 00:03:13 | |
แก้วในไทยพบที่มนุษย์ใช้อยู่บัดนี้ เพชรเป็นของสูงกว่า หรือแก้วที่มีรัศมีเป็นของหายากไม่มีใครจะใช้กันนัก แก้วชนิดอย่างนั้นมีสีต่างๆ ถ้าสีนั้นเขียวใส่ลงไปในน้ำน้ำก็เขียวไปตามสีแก้วนั้น ถ้าสีเหลืองน้ำก็เหลืองไปตาม ถ้าแดงงามก็แรงไปตามสระแก้ว ตกลงว่าแก้วสีอะไรนามก็เป็นไปตามสีแก้วนั้นๆ เป็นรัตนะที่สูงในโลก สูงยิ่งกว่านี้ขึ้นไปก็ต้องเป็นแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ พระเจ้าจักรพรรดิมีแก้ว ๗ ประการคือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว คหบดีแก้ว ปรินายกแก้ว | |||
30 Nov 2022 | ฝันในฝัน | 00:05:37 | |
กลางของกลาง ๆๆๆ พอถูกส่วนเข้าก็เห็นตัวของเราที่ไปเกิดมาเกิดนี้ เมื่อทุกคนปฏิบัติได้เพียงนี้ก็รู้ได้ว่า นี่เอง เวลานอนฝันกายนี่เองออกไป เวลาเลิกฝันแล้วไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน บัดนี้ข้าได้มาพบเจ้าเข้าแล้ว เจ้านี่เองเวลาข้าจะไปไหนมาไหน คอยเป็นนายบอกหนทางผิดถูกอยู่เสมอ บอกให้ไปนั่นไปนี่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เวลาข้านอนเจ้าก็ฝันออกไป ไหนเจ้าลองฝันทั้งที่ตื่นให้ข้าดูซิ แล้วก็ฝันไป บอกให้ไปเมืองเพชรไปดูเขาวัง เขาว่าพระเจ้าแผ่นดินเป็นผู้สร้างพระราชวังอยู่ที่นั่น ไปดูเขาวังซิ สักนาทีเดียวเท่านั้น ไปฝันไปเอาเรื่องเขาวัง กายละเอียดนี้แว๊บไปเอาเรื่องเขาวังมาเล่าให้ฟังแล้ว นั่นฝันไปเรื่องหนึ่ง เอาฝันเรื่องเมืองเชียงใหม่ให้ข้าดูอีกที ไปดูเรื่องดอยสุเทพ เขาว่าสนุกสนานนักไปดูมาซิ ปล่อยกายละเอียดแว๊บเดียว ไปสักนาทีเดียวเท่านั้นเช่นกัน ไปเอาเรื่องดอยสุเทพมาเล่าให้ฟังอีกแล้ว นี่ก็ฝันเสียอีกเรื่องหนึ่ง และไหนลองฝันไปทางอรัญประเทศ และไปทางพระธาตุพนม ไปดูเรื่องพระธาตุพนมมาเล่าให้ฟังซิ สักนาทีเดียวเหมือนกัน กายละเอียดก็ไปเอาเรื่องพระธาตุพนมมาเล่าให้ฟังอีก นี่ฝันเสีย ๓ เรื่องแล้ว ชั่วเวลาประเดี๋ยวเดียว ทีนี้ไปทางปักษ์ใต้เสียบ้าง ไปนครศรีธรรมราช เขาว่ามีพระบรมธาตุอยู่ที่เจดีย์ใหญ่ ลองฝันไปซิ สักนาทีเดียว กายละเอียดก็ฝันไปเอาเรื่องนครศรีธรรมราช เรื่องพระเจดีย์ใหญ่นั้นมาเล่าให้ฟังอีกเช่นเดียวกัน นี่เจ้านี่เองฝันได้อย่างนี้ทีเดียว เราเห็นเท่านี้ก็ฉลาดกว่าคนอีกชั้นหนึ่งแล้ว เขาใช้แค่กายมนุษย์เท่านั้น แต่เราเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด ใช้กายมนุษย์ละเอียดจึงฉลาดกว่าเขาเหล่านั้น ฉลาดกว่าเขาอย่างไร? คือเรารู้ทีเดียวว่า คนนี้จะซื่อตรงหรือไม่ซื่อตรง ให้ไปดูที่กายละเอียดไปถามกายละเอียด กายละเอียดจะไปสืบดู เดี๋ยวก็รู้ได้ทันทีว่า คนนั้นซื่อตรงหรือไม่ กายละเอียดบอกกายมนุษย์แล้ว นี่ฉลาดกว่ากันอย่างนี้ ใช้ได้อย่างนี้ เข้าไปข้างในถามเรื่องราวจริงได้ และโกหกหลอกลวงกันไม่ได้ นี่เขาเรียกว่า ปัญญาสองชั้น คือมีปัญญาในกายมนุษย์ชั้นหนึ่ง และมีปัญญาในกายมนุษย์ละเอียดอีกชั้นหนึ่ง กายมนุษย์ละเอียดนี้รู้เรื่องมากมาย รู้แม้กระทั่งเรื่องลี้ลับต่างๆ ที่ท่านกล่าวว่า นตฺกิ โลเก รโห นาม ขึ้นชื่อว่าความลับไม่มีในโลกนั้น ถูกต้องทีเดียวคือ ความลับมีแต่เฉพาะในกายมนุษย์เท่านั้น กายมนุษย์ละเอียดไม่มีความลับ กายทิพย์ กายทิพย์ละเอียด กายรูปพรหม กายรูปพรหมละเอียด กายอรูปพรหม กายอรูปพรหมละเอียด อีกมากมายนัก จะโกหกอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ทั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์กว่าจะทรงทราบเรื่องอย่างนี้ได้ พระองค์ต้องดำเนินไปถึง ๑๘ กาย พระองค์ทรงรู้มากกว่าเราถึง ๑๘ เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว เข้าไป ดำเนินปฏิบัติอย่างนั้นเป็นชั้นๆ ไป หยุดนิ่งเข้าไปถึงกายมนุษย์ละเอียด หยุดนิ่งอยู่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ละเอียดนั้น พอถูกส่วนเข้าจะเห็นดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานเป็นลำดับไป พึงรู้เป็นขั้นๆ เข้าไปอย่างนี้ | |||
17 Dec 2023 | เป็นพระพุทธเจ้าได้ก็ด้วยความอดทน | 00:02:05 | |
ความอดทนติดอยู่กับขอบนิพพาน ความ อดทนอันนี้แหละ ถ้าพระพุทธเจ้าไม่มีละก็ ไม่มีในพระโพธิสัตว์เจ้าสร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ก็เป็นด้วยความอดทน นี่จะไปนิพพานได้ก็ไปด้วยความอดทนนี้ ถ้าอดทนไม่มีไปนิพพานไม่ได้ ขันตินี่แหละเป็นตัวสำคัญนะ จะเป็นภิกษุ สามเณรที่ดีได้ก็ด้วยขันตินี่แหละ จะเป็นอุบาสกอุบาสิกาที่ดีได้ในธรรมวินัยของพระศาสดาก็ด้วยขันติความอดทนนี่แหละ รักษาเข้าไว้เถิด เลิศล้นพ้นประมาณทีเดียว เมื่อรักษาเอาไว้ได้แล้ว นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงรับสั่งว่า เป็นนิพพานอย่างยิ่ง ว่านิพพานนั่นแหละเป็นอย่างยิ่งทีเดียว นี่แหละขันตินี่เป็นตัวนิพพานหละ อดทนไม่ได้ไปนิพพานไม่ได้ อดทนได้ไปนิพพานได้
| |||
09 May 2020 | อดทนต้องมีท่า | 00:08:07 | |
อดทนต้องมีท่านะ อดทนเหลวไหล เลอะเทอะ ก็ใช้ไม่ได้ อดทนต้องมีท่า ถ้าอดทนมีท่าจะต้องอดทนอย่างไร เราทำสวนใกล้กันเป็นชาวสวน ทำสวนใกล้กัน เขาก็ทำสวน เราก็ทำสวน แต่มันพอๆ กันเสมอๆ กัน เราก็อยากให้มันดีกว่าเขานะ ให้เขาแพ้เราให้ได้ อยากได้ดีกว่าเขา ให้เขาแพ้เราให้ได้ นั่นคือ อภิชฌา อยากจะรุกเจ้าเสียมั่ง อยากจะทอนกำลังเจ้าเสียมั่ง ให้เรามีสมบัติดีกว่า คุณสมบัติดีกว่า เกิดขึ้นแล้ว ถ้าว่าจิตขยับขึ้นเช่นนี้ คิดท่านี้ อยากจะให้ดีกว่าเขา นี่เป็นอภิชฌาแล้ว | |||
07 Aug 2020 | รู้วันตายได้ | 00:03:35 | |
รู้วันตายได้ | |||
26 Oct 2020 | อัตตาสมมุติ กับ อัตตาแท้ | 00:01:46 | |
เมื่อมีเรื่อง "อนัตตากับอัตตา" ยันกันอยู่จึงต้องคิดค้นต่อไป ธรรมของพระองค์จะขัดกันเองไม่ได้ เพื่อที่จะไม่ให้ขัดแย้งกัน จึงต้องแบ่งอัตตาออก เป็น ๒ อย่าง คือ อัตตาสมมุติ กับ อัตตาแท้ อัตตาสมมุติ ได้แก่กายมนุษย์ กายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหม เพราะกายเหล่านี้ยังมีเกิด มีตาย เป็นกายส่วนโลกีย์ ยังมีกายอีกกายหนึ่ง ซึ่งเป็นกายโลกุตระ คือ ธรรมกาย ธรรมกายนี้ แหละเป็นอัตตาแท้ หรือ ตนแท้ | |||
21 Sep 2023 | ๕ อย่างนี้ให้สัตว์โลกจมอยู่ในวัฏฏสงสาร | 00:02:38 | |
ยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ติดอยู่ในรูป เสียง กลิ่น รสสัมผัส ออกจากวัฏฏะไม่ได้ กรรมวัฏฏ์ วิปากวัฏฏ์ กิเลสวัฏฏ์ออกไม่ได้ ออกจากภพสามไม่ได้ ออกจากกามไม่ได้ เพราะสละละสิ่งทั้งห้าไม่ได้ ถ้าสละละสิ่งทั้งห้าอันเป็นสุขน้อยนี้เสียได้แล้ว เมื่อสละละสิ่งทั้งห้าเสียได้แล้ว จะได้ประสบสุขอันไพบูลย์ ต้องประสบสุขอันไพบูลย์แท้ๆ อันไพบูลย์ยิ่งๆ ขึ้นไป | |||
11 Jan 2021 | พระสังฆคุณ (กัณฑ์๑ ตอน ๒๐/๒๗) | 00:12:09 | |
พระธรรมเทศนา พระมงคลเทพมุนี หลวงปู่วัดปากน้ำ กัณฑ์ที่ ๑ เรื่อง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ตอน ๒๐-๒๗ อธิบาย "พระสังฆคุณ" | |||
22 Nov 2021 | อนุโลมปฏิโลมถูกส่วน จึงเห็นทุกขสัจ | 00:05:09 | |
พออนุโลมปฏิโลมถูกส่วนเข้า ก็เห็นทีเดียวว่า อ้อ..สัตว์โลกนี่เป็น | |||
13 Nov 2019 | รสชาติของพระศาสนา | 00:02:40 | |
พบพระพุทธศาสนา ไม่เข้าถึงพระรัตนตรัยอายนัก อายนัก อายนักด้วยประการเป็นไฉน? อายโดยอาการว่า มาพบพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาคืออะไร คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าสอนว่าอะไร? สอนทำใจให้สงบระงับสอนให้ทำใจหยุดนิ่ง ชั่วด้วยกาย วาจา ใจ ไม่ให้ทำชั่วทีเดียว ทำแต่ดีด้วยกาย วาจา ใจ ทำใจให้ใส ใสหนักเข้า ใสหนักเข้าก็เข้าถึงพระรัตนตรัย เข้าถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะสังฆรัตนะ ถ้าไม่เข้าถึงพุทธรัตนะ ก็ไม่รู้จักพระพุทธศาสนา ไม่เข้าถึงธรรมรัตนะ ก็ไม่รู้จักพระธรรมในพระพุทธศาสนา ไม่เข้าถึงพระสังฆรัตนะก็ไม่รู้จักพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ไม่รู้จักจริงๆ รู้จักแต่ชื่อ ไม่รู้จัก ไม่เห็น ไม่ได้ ไม่เข้า ไม่ถึง ก็ได้ชื่อว่าไม่รู้จัก ไม่รู้จักก็ได้ชื่อว่าไม่ได้ลิ้มรสศาสนา ถ้าไม่เข้าถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะสังฆรัตนะ ก็ไม่ได้ลิ้มรสศาสนาล่ะ นี่เป็นตัวศาสนาสำคัญทีเดียว ลิ้มรสน่ะเป็นไฉน ? ก็ไม่รู้จักรสศาสนาน่ะสิ ก็รสศาสนาตัวพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะสังฆรัตนะ รสชาดเป็นยังไง พวกเข้าถึงถามดูก็ได้ เข้าถึงพุทธรัตนะแล้วรสชาดเป็นยังไง จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "หิริโอตตัปปะ" | |||
18 Oct 2022 | ผู้ที่ได้พุทธรัตนะแล้วก็จงอย่าดูเบา | 00:02:57 | |
เพราะฉะนั้นผู้ที่ได้พุทธรัตนะ ที่ได้แล้วอย่าดูเบาหนา ดับมาเกือบ ๒,๐๐๐ หนา มาโผล่ขึ้นในครั้งนี้นะเป็นอัศจรรย์ทีเดียว แต่ว่ามารยังขวางอยู่มาก มนุษย์ยังไม่เบิกตา ยังหลับตาอยู่มาก มนุษย์ยังไม่ตื่น ยังหลับตาอยู่มากนัก ถ้ามนุษย์ได้เห็นธรรมกาย มนุษย์คนนั้นตื่นขึ้นแล้ว ไม่หลับแล้ว ถ้ามนุษย์ใดยังไม่เห็นธรรมกาย ยังไม่เป็นธรรมกาย มนุษย์นั้นยังหลับอยู่ มารมันยังกดหลับอยู่ ยังไม่ตื่นเลย บางทีตายเสียชาติหนึ่งยังไม่ตื่นเลย หลับเรื่อยไปเสียทีเดียว บางคนเห็นปรากฏ ตื่นทีเดียว มีธรรมกายบางคนไม่เดียงสา มีธรรมกายใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้แล้ว มาถึงรัตนะอันเลิศ ประเสริฐเช่นนี้แล้ว กลับไปวางเสียก็มี แปลกประหลาดนัก ลืมตาขึ้นแล้วกลับไปตาบอดก็มี อย่างนี้น่าอัศจรรย์นัก เพราะเหตุไร เพราะไม่รู้จักเดียงสา มาพบของวิเศษ ประเสริฐเลิศล้นพ้นประมาณ ไม่รักษาให้ควรแก่การควรเห็น ควรพบ แม้เป็นอยู่ก็เท่ากับ ศพ ไม่ประเสริฐเลิศอะไรนัก เพราะกายมนุษย์นี่ชั่วคราวเท่านั้น เกิดแล้วก็ดับไป อุปฺปาท บังเกิดขึ้น ฐิติ ตั้งอยู่ แปรไป ภงฺค แตกสลายไป มีเกิดมีดับ มีเกิดมีดับ เป็นเบื้องหน้า |